ชวนเช็คสัญญาณของชีวิตคู่ที่มักนำไปสู่จุดจบแบบรักร้าว
ผู้เขียนเชื่อว่าไม่มีใครบนโลกนี้ที่เริ่มต้นชีวิตคู่โดยมีเป้าหมายที่อยากจะให้มันจบลงแบบรักร้าว แต่ถึงแม้ว่าทุกคนต่างต้องการให้ความสัมพันธ์กับคู่ชีวิตเป็นไปอย่างยั่งยืนยาวนานมันก็ไม่มีทางที่จะการันตีได้เลยว่าความรักจะไม่มีปัญหาเกิดขึ้นเลยตลอดการมีชีวิตคู่อยู่ด้วยกัน อย่างไรก็ตาม ก่อนที่จะไปถึงจุดจบแบบรักร้าว หากคุณพบสัญญาณของชีวิตคู่ที่อาจจะเป็นสาเหตุของการเลิกราและแก้ไขมันได้ทันเวลาก็อาจจะช่วยให้ความสัมพันธ์ไปต่อไปได้ โดยสัญญาณของชีวิตคู่ที่มักนำไปสู่จุดจบแบบรักร้าว ดังนี้
1. มีวิธีการสื่อสารที่เป็นปัญหา โดยการสื่อสารที่มักนำไปสู่ปัญหาชีวิตคู่ ได้แก่
การวิพากษ์วิจารณ์ที่มาจากความไม่พอใจซึ่งมักจะมีการตำหนิปนอยู่ด้วยเสมอ เช่น “คุณก็เป็นอย่างนี้ตลอดเลย” “คุณไม่เคยที่ทำแบบนั้นให้ฉันเลย”
การปกป้องหาข้อแก้ตัวให้กับตัวเองแทนที่จะพูดว่า “ขอโทษ” แล้วยอมรับว่าตัวเองทำผิด
การพูดหรือแสดงท่าทางดูถูกในรูปแบบ
การใช้คำพูดแบบจิกกัดเสียดสีประชดประชัน
โจมตีด้วยตรรกะวิบัติของตนเอง (ad hominem) เพื่อทำให้อีกฝ่ายรู้สึกด้อยค่า
เรียกอีกฝ่ายหรือตั้งฉายาให้ด้วยคำที่ทำให้อีกฝ่ายรู้สึกอับอายหรือเสียศักดิ์ศรี
ใช้ภาษากายที่ทำให้อีกฝ่ายรู้สึกไม่ดี เช่น มองบน แสดงท่าทางแบบเยาะเย้ย
การทำเหมือนว่าอีกฝ่ายไม่มีตัวตน เช่น ไม่ตอบสนองเวลาที่อีกฝ่ายคุยด้วย เดินหนีไปดื้อ ๆ ระหว่างกำลังคุยกัน เฉยเมยเย็นชา แกล้งทำเป็นยุ่งอยู่ตลอดเวลา
2. ขาดความใกล้ชิดผูกพันกัน: สัญญาณบ่งชี้ที่สังเกตได้ง่ายที่สุดก็คือการไม่มีเพศสัมพันธ์กันเลย อย่างไรก็ตาม การใกล้ชิดผูกพันกันไม่ได้หมายถึงเพศสัมพันธ์เสมอไป แต่ยังรวมไปถึงการมีอารมณ์ร่วมกันในเรื่องต่าง ๆ ที่ทำให้รู้สึกว่าทั้งสองคนยังเชื่อมโยงกันอยู่ ซึ่งโดยปกติแล้วความใกล้ชิดผูกพันกันก็อาจจะลดลงได้บ้างเพราะความเครียดจากการทำงานหรือการเลี้ยงลูก ความเจ็บป่วย อายุที่เพิ่มขึ้น แต่หากคู่ของคุณไม่ได้มีปัจจัยเหล่านั้นเกิดขึ้นแต่กลับรู้สึกว่าความใกล้ชิดผูกพันกันมันหายไปโดยไม่มีสาเหตุก็ถือว่าเป็น red flag ที่ต้องระวัง
3. ขาดความเห็นอกเห็นใจกัน/ความเคารพ/ความไว้ใจ: คู่รักไม่มีการขอโทษหรือสำนึกผิด ไม่พยายามที่จะเข้าใจอีกฝ่าย หรือไม่สนใจว่าอีกฝ่ายต้องการอะไร
4. มีปัญหาที่ทำให้เกิดการทะเลาะวิวาทกัน เช่น
ปัญหาการเงิน เช่น มีการสร้างหนี้สินโดยไม่ปรึกษากันก่อน ใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่ายจนกระทบกับสถานะการเงินของครอบครัว
ปัญหาความสัมพันธ์ เช่น นอกใจ คบซ้อน
ปัญหาความแตกต่างไม่เข้ากันที่ยังแก้ไขไม่ได้
ปัญหาจากการไม่มีเวลาคุณภาพด้วยกัน
ปัญหาที่มีเรื่องทางกฎหมายเข้ามาเกี่ยวข้อง เช่น มีพฤติกรรมยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดหรือสิ่งผิดกฎหมาย
5. มีการเติบโตไปคนละเส้นทาง: ต่างฝ่ายต่างพบเป้าหมายของชีวิตที่ดูเหมือนว่าจะไม่ได้ไปในทิศทางเดียวกันอีกต่อไป เช่น เคยตั้งใจด้วยกันว่าจะมีลูกหลังแต่งงานแต่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเกิดเปลี่ยนใจภายหลัง หรือความตั้งใจเกี่ยวกับสถานที่จะไปตั้งรกรากชีวิตเปลี่ยนไปเป็นไม่ตรงกัน
ปัญหาชีวิตคู่แบบไหนที่คุ้มต่อการต่อสู้เพื่อรักษาเอาไว้?
คุณยังรักกันอยู่
คุณยังคงมีอะไรที่เหมือนกัน เช่น เป้าหมายชีวิต สิ่งที่ให้คุณค่า ปรัชญาในการใช้ชีวิต ฯลฯ
คุณพร้อมที่จะแก้ไขปัญหาไปด้วยกัน
ปัญหาชีวิตคู่ของคุณเป็นผลกระทบที่เกิดจากความเครียด เช่น เครียดเรื่องเงิน เครียดเรื่องสุขภาพ ฯลฯ
แน่นอนว่าการมีปัญหาชีวิตคู่เกิดขึ้นมันย่อมสร้างความเครียดและความเจ็บปวดให้กับทั้งสองฝ่ายไม่ว่าคุณจะตัดสินใจประคองชีวิตคู่ให้ไปต่อหรือเลิกราก็ตาม แต่สิ่งหนึ่งที่จะสามารถเข้ามาช่วยบรรเทาความเครียดที่เกิดขึ้นจากปัญหาชีวิตคู่ของคุณลงได้ก็คือการขอความช่วยเหลือหรือคำแนะนำจากคนอื่น
ซึ่งหากคุณลองสำรวจทรัพยากรรอบตัว เช่น คนในครอบครัว เพื่อน เพื่อนร่วมงาน ฯลฯ แล้วพบว่าคุณอาจจะได้รับความช่วยเหลือที่ยังไม่ค่อยตอบโจทย์ การเลือกใช้บริการจากนักจิตวิทยาหรือนักจิตบำบัดที่มีความเชี่ยวชาญในการบำบัดคู่สมรสก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่คุณสามารถใช้เป็นตัวช่วยในการแก้ไขปัญหาชีวิตคู่ของคุณ
และในทางควบคู่กันไปผู้เขียนก็อยากเชิญชวนให้คุณลองปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของตนเองให้เป็นไปในทางที่ส่งเสริมสุขภาวะของคุณมากขึ้น เช่น ฝึกทำ self-care รับประทานอาหารที่มีสารอาหารครบ นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ โดยเฉพาะในกรณีที่คุณคิดว่าปัญหาชีวิตคู่ของคุณน่าจะเป็นผลมาจากที่ต่างฝ่ายต่างมีความเครียดจึงทำให้ทะเลาะกันบ่อย การฝึกฝนให้ตนเองมีความสามารถในการรับมือกับความเครียดได้มากขึ้นก็จะเป็นการลดสาเหตุของปัญหาไปได้ในอีกทางหนึ่ง
iSTRONG Mental Health
ผู้ดูแลสุขภาพใจให้กับบุคคล ครอบครัว และองค์กร
บริการของเรา
สำหรับบุคคลทั่วไป
บริการปรึกษา จิตแพทย์และนักจิตวิทยา : http://bit.ly/3lmThUa
คอร์สฝึกอบรมทักษะด้านจิตวิทยา : http://bit.ly/3RQfQwS
สำหรับองค์กร
EAP โปรแกรมสำหรับองค์กร : http://bit.ly/3RLI8Z8
โทร. 02-0268949 หรือ Line : @istrong
บทความที่เกี่ยวข้อง
อ้างอิง:
[1] 4 Signs That A Marriage Is Sure To End In Divorce—By A Psychologist. Retrieved from https://www.forbes.com/sites/traversmark/2024/08/12/4-signs-that-a-marriage-is-sure-to-end-in-divorce-by-a-psychologist/
[2] 15 Signs Your Marriage Will End In Divorce. Retrieved from https://xmartinelaw.com/signs-your-marriage-will-end-in-divorce/
[3] Signs a Marriage Cannot Be Saved. Retrieved from https://www.verywellmind.com/is-your-marriage-worth-saving-2302141
ประวัติผู้เขียน
นิลุบล สุขวณิช (เฟิร์น) มีประสบการณ์ทำงานเป็นนักจิตวิทยาการปรึกษาในมหาวิทยาลัยและเป็นวิทยากรเกี่ยวกับปัญหาสุขภาพจิต/การพัฒนาตนเองให้แก่นักศึกษาเป็นเวลา 11 ปี ปัจจุบันเป็นแม่บ้านในอเมริกาที่มีความสนใจเกี่ยวกับ childhood trauma และยังคงมีความฝันที่จะสื่อสารกับสังคมให้เกิดการตระหนักเกี่ยวกับปัญหาสุขภาพจิต
Nilubon Sukawanich (Fern) has work experiences as a counseling psychologist and speaker in university for 11 years. Currently occupation is a housewife in USA who keep on learning about childhood trauma and want to communicate to people about mental health problems awareness.
Comments