Trick or Treat ถือโอกาสวันปล่อยผี มาปล่อยความคิดไม่ดีออกจากตัวกันเถอะ
วัน Halloween หรือเรียกกันว่า “วันปล่อยผี” ในความเข้าใจของคนไทยมองว่าเป็นวันที่มีคนแต่งตัวแบบแฟนซี แล้วออกมาฉลองเฮฮาสนุกสนานกันตอนกลางคืน เราลองมาดูความหมายและที่มาคร่าวๆของฝั่งประเทศตะวันตกกัน ว่าเป็นกันอย่างไร
ในวันที่ 31 ตุลาคม ชาวเชลท์ (Celt) เป็นชนเผ่าหนึ่งในประเทศไอแลนด์เชื่อว่า เป็นวันที่มิติคนตายและคนเป็นจะถูกเชื่อมโยงเข้าด้วยกัน และวิญญาณของผู้ที่เสียชีวิตในปีที่ผ่านมา จะเที่ยวหาร่างของคนเป็นเพื่อสิงสู่ เพื่อที่จะได้มีชีวิตขึ้นอีกครั้งหนึ่ง เดือดร้อนถึงคนเป็น ต้องหาทุกวิถีทางที่จะไม่ให้วิญญาณมาสิงสู่ร่างตน ชาวเซลท์จึงปิดไฟทุกดวงในบ้าน ให้อากาศหนาวเย็น และไม่เป็นที่พึงปรารถนาของบรรดาผีร้าย และยังพยายามแต่งกายให้แปลกประหลาด ปลอมตัวเป็นผีร้าย และส่งเสียงดัง เพื่อให้ผีตัวจริงตกใจหนีหายสาบสูญไป (พอเล่ามาถึงตรงนี้...ทำให้รู้สึกคุ้นๆมีความคับคล้ายคับคลาว่าแถบอีสานบ้านเรา ก็มีการต้องแต่งตัวเพื่อหลอกผีแม่หม้ายเช่นกัน ให้ผู้ชายต้องแต่งตัวเป็นหญิง มีการทาเล็บหรือใช้หุ่นแต่งตัวเป็นผู้หญิงไว้หน้าบ้าน อะไรทำนองนี้...ดูเหมือนว่าการแต่งตัวเพื่อหลอกผีจะมีมานานนม และความเป็นสากลด้วยนะแกรๆๆ...) มาฟังประวัติกันต่อ
ในสมัยต่อมาชาวโรมันคาทอลิกต้องการกำจัดพิธีเฉลิมฉลองของกลุ่มชนนอกศาสนาคริสต์เหล่านี้ สันตะปาปา Gregory ที่ 4 จึงได้กำหนดวันที่ 1 พฤศจิกายน ให้เป็นวันเฉลิมฉลอง All Saints Day หรือ All Hallows Day สำหรับชาวคริสต์เพื่อระลึกถึงนักบุญ และผู้ที่เสียชีวิตไปแล้ว แต่การเฉลิมฉลองในคืนวันที่ 31 ตุลาคม หรือ Hallow’s Eve ก็ยังคงอยู่มาจนถึงปัจจุบัน แต่ชื่อเรียกได้เพี้ยนไปเป็น Halloween กาลเวลาผ่านไป ความเชื่อเรื่องผีจะสิงสู่ร่างมนุษย์เสื่อมถอยลงตามลำดับ ฮาโลวีนจึงกลายเป็นเพียงพิธีการแต่งตัวเป็นผี แม่มด สัตว์ประหลาด ตามแต่จะสร้างสรรค์กันไป
เดิมเทศกาลฮาโลวีนจัดขึ้นในประเทศอังกฤษ ไอร์แลนด์ สกอตแลนด์ และประเทศข้างเคียงเท่านั้น แต่เมื่อชาวไอริช และชาวสกอต อพยพไปตั้งหลักแหล่งในสหรัฐอเมริกา ในช่วงทศวรรษที่ 1840 ก็นำเอาประเพณีนี้ไปปฏิบัติด้วย ปรากฏว่าถูกใจชาวอเมริกันทุกเชื้อชาติ จึงปฏิบัติตามกันอย่างจริงจังตลอดมา และตั้งแต่กลางคริสต์ศตวรรษที่ 19 เป็นต้นมา ก็กลายเป็นเทศกาลประจำชาติมาจนทุกวันนี้
กิจกรรมในวันฮาโลวีน การฉลองวันฮาโลวีนนิยมจัดกันในสหรัฐอเมริกา ไอร์แลนด์ สหราชอาณาจักร แคนาดา และยังมีในออสเตรเลีย กับนิวซีแลนด์ด้วย รวมถึงประเทศอื่นในทวีปยุโรปก็นิยมจัดงานวันฮาโลวีนเพื่อความสนุกสนาน ในประเทศทางตะวันตก เด็ก ๆ จะแต่งกายเป็นภูตผีปีศาจพากันชักชวนเพื่อนฝูงออกไปงานฉลอง เรียกว่า การเล่น Trick or Treat (หลอกหรือเลี้ยง) คือการเดินเคาะประตูขอขนมตามบ้าน เด็ก ๆ ในละแวกบ้านก็จะแต่งตัวแฟนซี เป็นภูตผีมาเคาะตามประตูบ้าน โดยเน้นบ้านที่มีโคมไฟฟักทองประดับ (เพราะมีความหมายโดยนัยว่าต้อนรับพวกเขา) พร้อมกับถามว่า “Trick or Treat ?” เจ้าของบ้านมีสิทธิ์ที่จะตอบ Treat ด้วยการยอมแพ้ มอบขนมหวานให้ภูตผี (เด็ก) เหล่านั้น ราวกับว่า ช่างน่ากลัวเหลือเกิน หรือเลือกตอบ Trick เพื่อท้าทายให้ภูตผีเหล่านั้นอาละวาด ซึ่งก็อาจเป็นอะไรก็ได้ ตั้งแต่แลบลิ้นปลิ้นตาหลอกหลอน ไปจนถึงขั้นทำลายข้าวของเล็ก ๆ น้อย ๆ แล้วอาจจบลงด้วยการ Treat เด็ก ๆ ด้วยขนมในที่สุด
แล้วบ้านเรา ประเทศเรา ก็ได้รับอิทธิพลนั้นมา จึงนำมาจัดเป็นธีมงาน หรือจัดโปรโมชั่นตามห้างร้านต่างๆ ให้กับนักท่องเที่ยวและลูกค้าในวันที่31 ตุลาคมของทุกปี จบจากเล่าประวัติวันฮาโลวีน (วันปล่อยผี) ตัดช็อตเข้าโฆษณาแล้วกลับเข้าสู่ คำถามปริศนาฟ้าไม่แล่บๆๆๆๆ
คำถามมีอยู่ว่า....เมื่อฮาโลวีนคือวันปล่อยผี “คุณอยากจะปล่อยผีอะไร ในตัวคุณ?”
ผีในตัวคุณ อาจหมายถึงสิ่งที่พันธนาการเรา ครอบงำเรา หลอกหลอนเรา ในด้านความคิดและการกระทำ ที่ทำให้เรา เป็นคนคิดไม่ดี คิดลบ ท้อแท้ สิ้นหวัง รู้สึกไม่มีค่า เป็นคนไม่น่าคบหา มีชีวิตอยู่ไปวันวัน ขี้เกียจ ไม่อดทน ไม่มีวินัย ไม่ประสบความสำเร็จ และอื่นๆที่ทำให้ชีวิตเราแย่ คุณก็รู้ว่ามันไม่ดี คุณก็ยังยอมให้มันครอบงำและหลอกหลอนเรา สิงเราทุกวัน...เพื่ออะไร? ถามอีกครั้ง เพื่ออะไร?ถึงเวลารึยังที่คุณจะปล่อยผีในตัวคุณออกมา? งั้นเรามาเล่น Trick or Treat วิธีหาผี จับผี และปล่อยผีกัน
นี่คือตัวอย่างและยังมีอีกมากที่คุณจะต้องฝึกในการเปลี่ยนฝั่งจากซ้ายไปขวา คุณต้องไปหาเพิ่มเอง หาได้มากและย้ายฝั่งได้มากคุณจะชนะ เป็นอิสระ ไม่ถูกหลอกหลอนและครอบงำ
วิธีการ: หาผีในตัวคุณออกมา แล้วฆ่าผีมันซะโดย....ทำตรงกันข้ามและหาสิ่งที่จัดการ แก้ไข และพัฒนาขึ้น กฎ คือ หาผี...ฆ่าผี...แล้วเกิดใหม่
ขอให้สนุกและมีความสุขในวันปล่อยผีนะค่ะ.....กุ๊ก.....กู๋......
Comentários