4 เหตุผลตามทฤษฎีจิตวิทยาที่ทำให้ "โจ ไบเดน" เป็นผู้นำที่มีเสน่ห์
เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2563 ที่ผ่านมา ทุกท่านคงได้ทราบว่าประเทศสหรัฐอเมริกามีผู้นำประเทศคนใหม่อย่างเป็นทางการ คือ โจ ไบเดน ซึ่งนับเป็นประธานาธิบดีคนที่ 46 ของสหรัฐอเมริกา โดยผู้นำท่านนี้มีลักษณะท่าทาง บุคลิกภาพ และภาพลักษณ์ที่แตกต่างจากผู้นำคนเก่า คือ โดนัลล์ ทรัมป์ อย่างสิ้นเชิง เลยทีเดียว นอกจากนี้ โจ ไบเดน ยังสามารถทำลายสถิติประธานาธิบดีที่มีผลโหวตมากที่สุในประวัติศาสตร์มากกว่า 73 ล้านเสียง นับตั้งแต่ปี ค.ศ. 1900 ได้อีกด้วย นั่นแสดงให้เห็นว่าเขาได้รับความไว้วางใจ จากประชาชนอย่างล้นหลาม แล้วด้วยเหตุผลอะไรกันนะที่ทำให้ชายผู้หนึ่งมีเสน่ห์ในการเป็นผู้นำขนาดนี้ บทความจิตวิทยานี้มีคำตอบค่ะ
ถ้าว่ากันตามทฤษฎีผู้นำแล้ว ลักษณะการเป็นผู้นำของ โจ ไบเดน สามารถอ้างอิงได้ตามทฤษฏีภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลง ของ Bass &Avoli ซึ่งกล่าวไว้ว่า ภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลง (Transformational leadership) เป็นภาวะที่ผู้นำได้ทำตัวเป็นแบบอย่างที่ดีต่อผู้ตาม สามารถทำให้ผู้ตามเคารพ ศรัทธา ไว้วางใจ และภูมิใจเมื่อได้ทำงานร่วมกัน อีกทั้งยังเป็นผู้นำที่สามารถทำให้ผู้ตามเกิดการพัฒนาตนเอง พัฒนาศักยภาพเกิดความภาคภูมิใจในตนเอง สามารถเติบโตทางด้านจิตใจ ความคิด สติปัญญา และทางศีลธรรมด้วยค่ะ
เมื่ออ่านคำนิยามของผู้นำการเปลี่ยนแปลงตามทฤษฎีแล้วใกล้เคียงกับ โจ ไบเดน ไม่น้อยเลยค่ะ ซึ่งผู้นำเช่นนี้จะมีสเน่ห์ต่อผู้ตาม และน่าทำงานด้วยแน่นอนค่ะ โดยเหตุผลตามทฤษฎีจิตวิทยาที่ทำให้ โจ ไบเดน หรือผู้ที่มีภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลง เป็นผู้นำที่มีเสน่ห์ มี 4 เหตุผลด้วยกัน ดังนี้ค่ะ
1. การมีอิทธิพลเชิงอุคมคติ (Charisma or Idealized Influence)
คือ การที่ผู้นำได้แสดงวิสัยทัศน์ (Vision ) ที่สอดคล้องกับการมองภาพในอนาคตของผู้ตาม หรือกล่าวได้อีกอย่างว่า มีการสร้างวิสัยทัศน์ร่วมกันระหว่างผู้นำและผู้ตาม โดย โจ ไบเดน ได้แสดงวิสัยทัศน์ในการสร้างภาพลักษณ์ของประเทศสหรัฐอเมริกาผ่านสุนทรพจน์ของเขา ว่า “ประเทศของเราถูกสร้างขึ้น ด้วยการต่อสู้ระหว่างเทพ แห่งคุณความดีกับกิเลสตัณหาอันดำมืดที่สุดในใจของเรา การตัดสินใจของประธานาธิบดีในการต่อสู้นี้สำคัญอย่างยิ่ง ถึงเวลาแล้วที่เทพแห่งความดีงามของเราจะเป็นฝ่ายชนะ ขอให้เราได้เป็นประเทศอย่างที่เรารู้ดีว่าเราสามารถเป็นได้ เป็นชาติที่มีความเป็นหนึ่งเดียว แข็งแกร่งยิ่งขึ้น และได้รับการแก้ไขเยียวยา”
2. การสร้างแรงบันดาลใจ (Inspirational Motivation)
คือ การที่ผู้นำมีจิตวิทยาที่ดีในการทำให้ ผู้ตามทำงานเป็นทีม ทำให้ผู้ตามมีความรู้สึกเป็นทีม เป็นหนึ่งเดียวกัน มีแรงจูงใจที่จะนำพาทีม องค์กร หรือประเทศไปสู่จุดที่คาดหวัง ซึ่งผู้ตามที่มีแรงบันดาลใจ จะมีประสิทธิภาพในการทำงาน หรือปฏิบัติตามหน้าที่ของตนอย่างดีเยี่ยม และยังมีความพยามในการพัฒนางานของตัวเอง รวมถึงมีความอดทนต่อความยากลำบากได้ดียิ่งขึ้นด้วยค่ะ
โดยความสามารถในการสร้างแรงบันดาลใจของ โจ ไบเดน แสดงออกชัดเจนผ่านสุนทรพจน์ที่ว่า “สำหรับคนที่โหวตให้ประธานาธิบดีทรัมป์ ผมเข้าใจถึงความผิดหวัง ผมก็เคยแพ้มาสองสามครั้งแล้วในอดีต แต่ตอนนี้ให้โอกาสกันและกันสักครั้ง ถึงเวลาแล้วที่จะเลิกใช้วาทะที่รุนแรงต่อกัน มาลดความร้อนแรงที่มีต่อกัน มองหน้ากัน รับฟังกันและกัน หากจะทำให้เกิดความก้าวหน้า เราต้องเลิกปฏิบัติต่อกันเป็นศัตรู”
3. การกระตุ้นทางปัญญา (Intellectual Stimulation)
คือ การที่ผู้นำกระตุ้นผู้ตามให้เห็นวิธีการ หรือแนวทางใหม่ในการแก้ไขปัญหา โดยใช้วิธีการแสดงเป็นตัวอย่าง ใช้สัญลักษณ์ การอธิบายให้เห็นภาพ และการอธิบายด้วยภาษาที่เข้าใจง่าย ทำให้ผู้ตามมองเห็นแนวทางใหม่ในการแก้ไขปัญหา เกิดความคิดสร้างสรรค์ มีความมั่นใจที่จะเสนอความคิดเห็นใหม่ ๆ มีความพยายามที่จะเรียนรู้วิทยาการใหม่ หรือพัฒนาตัวเองในทักษะที่ไม่ถนัดแต่เป็นประโยชน์กับงานของตน ซึ่งการทำให้ผู้ตามเติบโตทางปัญญานี้ นอกจาก จะเป็นผลดีต่อองค์กรในแง่ประสิทธิภาพการทำงานของบุคคลากรที่เพิ่มขึ้นแล้ว ยังเป็นผลดีอย่างยิ่งต่อตัว ผู้ตาม ที่จะกลายเป็นผู้นำในอนาคตอีกด้วยค่ะ
โดย โจ ไบเดน ได้แสดงให้เห็นผ่านสุนทรพจน์ ว่า “นี่คือเวลาแห่งการสมานแผล การเลือกตั้งจบลงแล้ว งานของเราคือเดินหน้าด้วยการทำดีต่อกัน ด้วยความยุติธรรม และยึดถือหลักวิทยาศาสตร์ พร้อมด้วยพลังแห่งความหวัง”
4. การคำนึงถึงความเป็นปัจเจกบุคคล (Individualized Consideration)
คือ การที่ผู้นำทำตน เป็นผู้มุ่งเน้นการพัฒนา (Individualized of Followers) โดยการคิด วิเคราะห์ และวินิจฉัย ปัญหาต่าง ๆ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้ตาม มีการรู้จักผู้ตามเป็นรายบุคคล เปิดโอกาสให้ผู้ตามได้แสดงความคิดเห็นอย่างอิสระ มีความเอาใจใส่ในความต้องการตามข้อจำกัดของผู้ตามแต่ละคน มีการมอบหมายหน้าที่ชัดเจน มีการกระจายอำนาจความรับผิดชอบให้แก่ผู้ตามเพื่อลดความเครียดและความกดดัน รู้ข้อดี – และข้อจำกัด ของผู้ตามแต่ละคน
เช่นที่ โจ ไบเดน ได้กล่าวไว้ว่า “ข้าพเจ้ายังได้รับเกียรติให้ได้ทำงานร่วมกับ รองประธานาธิบดีที่แสนมหัศจรรย์ กมลา แฮร์ริส ผู้ที่ได้สร้างประวัติศาสตร์ให้เป็นทั้งสตรีคนแรก สตรีผิวสีคนแรก สตรีผู้เป็นทายาทชาวเอเชียใต้คนแรก และบุตรสาวของผู้อพยพคนแรกที่ได้รับเลือกตั้งให้ดำรงตำแหน่งระดับชาติในประเทศนี้”
บทความแนะนำ 3 คุณสมบัติที่คนอยากประสบความสำเร็จต้องมี
การเป็นผู้นำที่มีสเน่ห์นั้น ถือว่าเป็นจิตวิทยาขั้นพื้นฐานของคนที่เป็นผู้นำควรจะมีเพราะจะทำให้ผู้ตามเคารพ ศรัทธา เชื่อถือ และถ้าหากมีสเน่ห์ตามทฤษฎีภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลง (Transformational leadership) ด้วยแล้วยิ่งดีเข้าไปใหญ่เลยค่ะ เพราะนอกจากจะทำให้ตัวเองประสบความสำเร็จในการเป็นผู้นำแล้ว ยังทำให้ผู้ตามเติบโตจากภายใน ซึ่งเป็นการเติบโตที่งอกงาม และยั่งยืนไปด้วยค่ะ
iSTRONG Mental Health
ผู้ดูแลสุขภาพใจให้กับบุคคล ครอบครัว และองค์กร
บริการของเรา
สำหรับบุคคลทั่วไป
• บริการปรึกษา จิตแพทย์และนักจิตวิทยา : http://bit.ly/3lmThUa
• คอร์สฝึกอบรมทักษะด้านจิตวิทยา : http://bit.ly/3RQfQwS
สำหรับองค์กร
• EAP โปรแกรมสำหรับองค์กร : http://bit.ly/3RLI8Z8
โทร. 02-0268949 หรือ Line : @istrong
อ้างอิง :
1) Bass, B. M. (1991). From Transactional to Transformational Leadership: Learning to Share the Vision. Organizational dynamics, 18, 19-31.
2) BBC News ไทย. 8 พฤศจิกายน 2563. เลือกตั้งสหรัฐฯ 2020: ไบเดนให้คำมั่นเยียวยาประเทศ “นำจิตวิญญาณของอเมริกากลับคืนมา”. สืบค้นเมื่อ 11 พฤศจิกายน 2563 จาก https://www.bbc.com/thai/international-54861230
ประวัติผู้เขียน : จันทมา ช่างสลัก
บัณฑิตสาขาวิชาเอกจิตวิทยาคลินิก เกียรตินิยมอันดับ 2 จากรั้ว มช. และมหาบัณฑิตด้านการพัฒนาสังคม NIDA
มีประสบการณ์ด้านจิตวิทยาเด็ก 4 ปี เป็นผู้ช่วยนักวิจัย ด้านจิตวิทยา 1 ปี ปัจจุบันเป็นนักสังคมสงเคราะห์ชำนาญการ
ที่ประยุกต์ใช้ศาสตร์ทางจิตวิทยา ในการปฏิบัติงานมากว่า 6 ปี
Comments