4 เทคนิคจิตวิทยา ในการฟื้นฟูจิตใจจากประสบการณ์ที่เป็นพิษ (Toxic Experience)
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเราทุกคนล้วนมี Toxic Experience หรือในภาษาไทยเรียกว่า “ประสบการณ์ที่เป็นพิษ” ซึ่งในทางจิตวิทยา หมายถึง ประสบการณ์เชิงลบที่ส่งผลเสียต่อสุขภาพจิต ความรู้สึก หรือพฤติกรรมของเรา โดยประสบการณ์เหล่านี้อาจมีสาเหตุมาจากเหตุการณ์ ความสัมพันธ์ หรือสิ่งแวดล้อมที่ทำให้เกิดความเครียด ความเจ็บปวด หรือความทุกข์ ซึ่งอาจส่งผลกระทบในระยะยาว กลายเป็น “แผลใจ” หรือ “Trauma” หากไม่ได้รับการเยียวยาหรือจัดการอย่างเหมาะสม
ในงานศึกษาทางจิตวิทยา พบว่า สาเหตุของประสบการณ์ที่เป็นพิษ (Toxic Experience) เกิดจากสาเหตุหลัก ๆ 4 ประการ ดังนี้
ความสัมพันธ์ที่เป็นพิษ (Toxic Relationships)
ความสัมพันธ์ที่เป็นพิษ (Toxic Relationships) ส่งผลต่อการเกิดประสบการณ์ที่เป็นพิษ (Toxic Experiences) โดยตรง เนื่องจากการมีความสัมพันธ์ที่เป็นพิษ จะบั่นทอนความภาคภูมิใจในตนเอง ทำร้ายทางอารมณ์ และสร้างภาระทางจิตใจ ซึ่งนำไปสู่ความรู้สึกโดดเดี่ยวและถูกทอดทิ้ง สูญเสียความมั่นใจในตัวเอง เกิดความกลัวการเริ่มต้นความสัมพันธ์ใหม่ จนอาจเกิดการพัฒนารูปแบบความคิดหรือพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม เช่น ความระแวง หรือการไม่เชื่อใจผู้อื่น
สภาพแวดล้อมที่เป็นลบ (Negative Environments)
สภาพแวดล้อมที่เป็นลบ (Negative Environments) เช่น เสียงดัง สกปรก หรือมีความไม่ปลอดภัยทั้งทางร่างกายและจิตใจ จะส่งผลให้เกิดความเครียดเรื้อรัง และขาดความปลอดภัยทางอารมณ์ ก่อให้เกิดประสบการณ์ที่เป็นพิษ (Toxic Experiences) ที่นำไปสู่การรับรู้ตนเองในทางลบ การตัดสินใจไม่สมวัย และปัญหาความสัมพันธ์กับผู้อื่น ซึ่งอาจนำไปสู่ผลกระทบทางลบทั้งด้านร่างกายและจิตใจในระยะยาวได้
การสูญเสียและการบอบช้ำทางจิตใจ (Loss and Psychological Trauma)
การสูญเสีย (Loss) และการบอบช้ำทางจิตใจ (Psychological Trauma) เป็นปัจจัยสำคัญที่ก่อให้เกิดประสบการณ์ที่เป็นพิษ (Toxic Experiences) เนื่องจากเป็นสถานการณ์ที่ทำให้บุคคลต้องเผชิญกับความรู้สึกเจ็บปวด สับสน สูญเสียสิ่งที่รัก รวมถึงสูญเสียความเป็นตัวของตัวเองด้วย ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในมุมมองต่อโลกหรือความสัมพันธ์กับผู้อื่นในทางลบอย่างรุนแรงได้
การประสบความล้มเหลวหรือผิดหวังซ้ำ ๆ (Repeated Failures or Disappointments)
การประสบความล้มเหลวหรือผิดหวังซ้ำ ๆ (Repeated Failures or Disappointments) สามารถส่งผลให้เกิดประสบการณ์ที่เป็นพิษ (Toxic Experiences) ได้ เนื่องจากการผิดหวังซ้ำ ๆ จะส่งผลให้บุคคลเกิดภาวะคิดลบต่อตนเอง ต่ออนาคต และต่อโลก มีความคิดด้อยค่าตนเอง ซึ่งความคิดและความเชื่อทางลบเหล่านี้ย่อมส่งผลกระทบต่อความเชื่อในตนเอง ความสัมพันธ์กับผู้อื่น และมุมมองต่อชีวิตในอนาคต
อย่างไรก็ตาม แม้ประสบการณ์ที่เป็นพิษ (Toxic Experiences) จำบั่นทอนและทำร้ายจิตใจเรา แต่ผู้เชี่ยวชาญทางจิตวิทยากลับศึกษาพบว่า หากมีการจัดการประสบการณ์ที่เป็นพิษ (Toxic Experiences) อย่างเหมาะสม จะส่งผลให้เรามีการเติบโตทางจิตใจ มีความเข้มแข็งและมีมุมมองชีวิตที่ลึกซึ้งขึ้น มีการพัฒนาทักษะการแก้ปัญหา และเพิ่มความสามารถในการจัดการอารมณ์ มีความตระหนักถึงคุณค่าของตนเอง และมีความเห็นอกเห็นใจผู้อื่นเพิ่มขึ้น
โดยผู้เชี่ยวชาญทางจิตวิทยา ได้แนะนำ 4 เทคนิคจิตวิทยา ในการฟื้นฟูจิตใจจากประสบการณ์ที่เป็นพิษ (Toxic Experience) ดังนี้
การตระหนักรู้และยอมรับ (Awareness and Acceptance)
การตระหนักรู้ (Awareness) และการยอมรับ (Acceptance) เป็นเครื่องมือสำคัญในการฟื้นฟูจิตใจจากประสบการณ์ที่เป็นพิษ (Toxic Experiences) เพราะทั้งสองกระบวนการสามารถช่วยเปลี่ยนแปลงวิธีการรับรู้และจัดการกับอารมณ์ที่ยากลำบากของเราได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเน้นการเผชิญหน้าและเข้าใจความรู้สึกภายในตนเอง มากกว่าการหลีกเลี่ยงหรือปฏิเสธอารมณ์เหล่านั้น
การพูดคุยและการขอความช่วยเหลือ
การพูดคุยและการขอความช่วยเหลือไม่ได้เป็นเพียงการระบายความทุกข์ใจ แต่ยังช่วยให้บุคคลพัฒนาความเข้มแข็งภายในและความสัมพันธ์กับคนรอบข้าง ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญของการฟื้นฟูจิตใจจากประสบการณ์ที่เป็นพิษ (Toxic Experiences) เนื่องจากการพูดคุยและการขอความช่วยเหลือจากผู้ที่ไว้ใจได้ เป็นการปลดปล่อยอารมณ์ ซึ่งนำไปสู่การยอมรับตนเอง การเปิดมุมมองใหม่ต่อชีวิต เกิดความเชื่อมโยงกับผู้คนที่เรารัก นำไปสู่ความเข้าใจตนเอง และการพาตัวเองมาสู่พื้นที่ปลอดภัยในที่สุด
การพัฒนากลไกการเผชิญปัญหา (Coping Mechanisms)
การพัฒนากลไกการเผชิญปัญหา (Coping Mechanisms) เป็นหนึ่งในวิธีที่สำคัญในการฟื้นฟูจิตใจจากประสบการณ์ที่เป็นพิษ (Toxic Experience) เพราะช่วยให้บุคคลสามารถปรับตัว จัดการกับความเครียด และฟื้นฟูความสมดุลทางอารมณ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เนื่องจากการพัฒนากลไกการเผชิญปัญหา เป็นการลดผลกระทบทางอารมณ์ สร้างความมั่นคงทางจิตใจ เปลี่ยนมุมมองต่อประสบการณ์ นำไปสู่การเพิ่มความสามารถในการแก้ปัญหา ซึ่งไม่เพียงแต่ช่วยลดความทุกข์ในระยะสั้น แต่ยังสร้างความเข้มแข็งในระยะยาว ทำให้บุคคลสามารถเติบโตและเรียนรู้จากประสบการณ์ได้อย่างมีคุณภาพ
การตัดขาดหรือจำกัดปฏิสัมพันธ์กับสิ่งหรือบุคคลที่เป็นพิษ (Toxic Environment or People)
การตัดขาดหรือจำกัดปฏิสัมพันธ์กับสิ่งหรือบุคคลที่เป็นพิษ (Toxic Environment or People) เป็นกลยุทธ์ที่สำคัญในการฟื้นฟูจิตใจจากประสบการณ์ที่เป็นพิษ (Toxic Experience) เนื่องจากช่วยลดความเครียดและเปิดโอกาสให้บุคคลมีพื้นที่ในการฟื้นตัวและเติบโตอย่างเหมาะสม ผ่านการการจำกัดปฏิสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อมหรือคนที่เป็นพิษ ซึ่งจะช่วยให้บุคคลสามารถสร้างพื้นที่ปลอดภัย (Safe Zone) ที่ปราศจากการวิจารณ์ การกดดัน หรือการทำร้ายจิตใจ นำไปสู่การใช้ชีวิตอย่างมีสติและเหมาะสม สามารถช่วยสร้างชีวิตที่สมดุลและเป็นสุขในระยะยาว
ถึงแม้ว่าประสบการณ์ที่เป็นพิษ (Toxic Experiences) จะเป็นสิ่งที่เราหลีกเลี่ยงได้ยาก แต่ถ้าหากเรามีเทคนิคในการฟื้นฟูจิตใจที่เหมาะสม ดังเช่น 4 เทคนิคจิตวิทยาที่ได้แนะนำไปข้างต้น จะพลิกวิกฤติเป็นโอกาสในการเรียนรู้ เติบโต และพัฒนาทางจิตใจได้อย่างเหมาะสม ซึ่งจะส่งผลต่อการมีความสุขในระยะยาวอย่างยั่งยืน
iSTRONG Mental Health
ผู้ดูแลสุขภาพใจให้กับบุคคล ครอบครัว และองค์กร
บริการของเรา
สำหรับบุคคลทั่วไป
บริการปรึกษา จิตแพทย์และนักจิตวิทยา : http://bit.ly/3lmThUa
คอร์สฝึกอบรมทักษะด้านจิตวิทยา : http://bit.ly/3RQfQwS
สำหรับองค์กร
EAP โปรแกรมสำหรับองค์กร : http://bit.ly/3RLI8Z8
โทร. 02-0268949 หรือ Line : @istrong
บทความแนะนำ : Trauma ทำไมบาดแผลทางใจในวัยเด็กมีผลเมื่อโตเป็นผู้ใหญ่(https://www.istrong.co/single-post/why-childhood-trauma-affects-adulthood?srsltid=AfmBOopgpoo85cqj7EkudVGcAkBBTlc_Ya1LActwztDIAbpYRuA1ycrg)
อ้างอิง : 1.Center on the Developing Child at Harvard University. (n.d.). What are ACEs? And how do they relate to toxic stress? Retrieved from https://developingchild.harvard.edu/
2.Mental Health America. (n.d.). Impact of toxic stress on mental health. Retrieved from https://www.mhanational.org/
3.Nelson, C. A., & colleagues. (2021). Adversity in childhood is linked to mental and physical health outcomes. Retrieved from https://www.bmj.com/
จันทมา ช่างสลัก บัณฑิตจิตวิทยาคลินิกจากรั้ว มช. และมหาบัณฑิตจาก NIDA ปัจจุบันเป็นคุณแม่ลูก 1 ผู้เป็นทาสแมว ที่มุ่งมั่นจะพัฒนาการเขียนบทความจิตวิทยาให้โดนใจผู้อ่าน และสร้างแรงกระเพื่อมทางสังคม ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในเชิงบวกบนโลกใบนี้
Comments