นักจิตวิทยาแนะนำ เลี้ยงลูกอย่างไรให้ปลอดภัยจากการถูกคุกคามทางเพศ
จากข่าวร้อน ประเด็นฮอตในช่วงนี้ เรื่องการคุกคามทางเพศเด็กโดยคนในครอบครัว ซึ่งกำลังเป็นที่ถกเถียงในโลกออนไลน์อย่างมากว่า ที่คนในบ้านทำนั้น “เป็นการแสดงความรัก” หรือ “คุกคามทางเพศเด็ก” ซึ่งในฐานะที่ดิฉันเองก็เป็นแม่ของลูกสาววัยกำลังน่ารักคนหนึ่ง ก็ค่อนข้างกังวลกับเรื่องคุกคามทางเพศเด็กจากคนในครอยครัวพอสมควรเลยค่ะ เพราะคุณพ่อ คุณแม่ หรือผู้ปกครองหลาย ๆ ท่าน มักจะมองว่าลูก หลานของเรานั้นเป็นเด็กน้อยอยู่เสมอ จึงมักจะแสดงความเอ็นดูโดยการหอม จุ๊บ ๆ กอด หรือสัมผัสร่างกายเด็กในระดับที่ “ลึกซึ้ง” จนบางครั้งลืมไปว่าลูก หลานของเราโตขึ้นทุกวัน และมักจะลืมนึกถึงความรู้สึกของเด็ก ว่าเขาพอใจ หรือยินยอมกับการสัมผัสนั้นหรือไม่ และเมื่อไปดูสถิติเด็กที่ถูกคุกคามทางเพศ ที่เก็บข้อมูลโดยมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี จังหวัดปทุมธานี พบว่า ตั้งแต่วันที่ 2 มกราคม 2563 – 25 ธันวาคม 2563 มีเรื่องราวร้องทุกข์เกี่ยวกับการคุกคามทางเพศ ทั้งสิ้น 10,147 ราย ซึ่งในจำนวนนี้ถูกกระทำจากคนในครอบครัวถึง 241 ราย และที่น่าตกใจก็คือ เป็นเด็กแรกเกิดถึง 5 ขวบ จำนวน 28 ราย และเด็ก 5 – 10 ขวบ ถึง 98 รายทีเดียวค่ะ ด้วยความห่วงใยจากดิฉันเองในบทความจิตวิทยานี้ ดิฉันจึงขออนุญาตนำขอเสนอแนะของผู้เชี่ยวชาญทางจิตวิทยา ในการ “เลี้ยงลูกอย่างไรให้ปลอดภัยจากการถูกคุกคามทางเพศ” มาฝากกันค่ะ
พฤติกรรมแบบใดที่เข้าข่ายคุกคามทางเพศเด็ก
ผู้เชี่ยวชาญทางจิตวิทยา ได้ให้ข้อเสนอเสนอแนะว่าพฤติกรรมที่เข้าข่ายคุกคามทางเพศเด็ก มีดังนี้
การเปิดร่างกายในส่วนลับให้เด็กดู เช่น อาบน้ำร่วมกับเด็กที่มีวัยอาบน้ำเองได้แล้ว ถอดเสื้อผ้า ต่อหน้าเด็ก เป็นต้น ไม่ว่าผู้ใหญ่คนนั้นจะเป็นเพศใดก็ตาม การโชว์ร่างกายในส่วนลับให้เด็กเห็นจะทำให้เด็กเข้าใจว่า เขาสามารถเปิดเผยร่างกายในส่วนลับของเขาให้ใครดูก็ได้ รวมถึงขาดความระมัดระวังตัวต่อการถูกคุกคามทางเพศอีกด้วยค่ะ เพราะเห็นจนชิน จนคิดว่าเป็นเรื่องปกติที่ใคร ๆ ก็ทำ
การให้เด็กดูสื่อลามก อนาจาร โดยไม่ให้ความรู้ที่เหมาะสม หรือเด็กอยู่ในวัยที่ไม่เหมาะสมที่จะรับสื่อนั้น ในข้อนี้ก็ชัดเจนโดยไม่ต้องอธิบายต่อกันเลยนะคะ ว่าทำไมพฤติกรรมนี้ถึงเป็นการคุกคามทางเพศเด็ก เพราะเด็กยังอยู่ในวัยที่แยกแยะไม่ออกว่าสิ่งใดควรทำ สิ่งใดไม่ควรทำ การให้เด็กดูสื่อที่ยังไม่ถึงวัยควรจะดู จะเป็นการเร่งให้เด็กอยากรู้ อยากลองเรื่องเพศ และเมื่อเด็กลองไปแล้วก็จะมีผลลัพธ์ทางลบตามมาอีกมากมาย เช่น ท้องไม่พึงประสงค์ โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เป็นต้นค่ะ
การมีกิจกรรมทางเพศต่อหน้าเด็ก ซึ่งจะทำด้วยตัวคนเดียว หรือมีผู้ประกอบการร่วมก็ตามก็จะให้ผลไม่ต่างจากข้อที่ 2 เลยค่ะ
การสัมผัสร่างกายเด็ก โดยที่เด็กไม่ยินยอม หรือเกินขอบเขต ไม่ว่าจะกอด จูบ ลูบ คลำ หรือ การสัมผัสอื่นใดก็ตามที่เด็กไม่ยินยอม หรือเกินเลยกับเด็ก ถือเป็นการคุกคามทางเพศ และสร้างบาดแผลในใจให้กับเด็ก ๆ ได้ทั้งนั้นเลยค่ะ
วิธีสังเกตเด็กที่ถูกคุกคามทางเพศ
สำหรับวิธีการสังเกตเด็กที่ถูกคุกคามทางเพศนั้น ผู้เชี่ยวชาญทางจิตวิทยาได้ให้ข้อสังเกตไว้ดังนี้ค่ะ
เด็กมีรอยฟกช้ำตามร่างกาย มีรอยแผลสด รอยแผลเป็นหลายแห่งในร่างกาย
เด็กมีท่าทีหวาดกลัว ตกใจง่าย วิตกกังวล รู้สึกไม่ปลอดภัย และไม่ไว้วางใจใคร แม้แต่คนในบ้านก็ตาม เด็กจึงมักมีพฤติกรรมแยกตัว โดดเดี่ยว มีปัญหาในการเข้าสังคม หรืออยู่กับเพื่อน
เด็กบางคนมีพฤติกรรมก้าวร้าว หยาบคาย ทำร้ายร่างกายตนเอง หรือผู้อื่นบ่อยครั้ง
มีอาการซึม เศร้า เหม่อลอย ขาดสมาธิ
กลัวการกลับบ้าน มักหนีออกจากบ้านบ่อยครั้ง หรือเมื่อไปโรงเรียนแล้วไม่ยอมกลับบ้าน
หวาดกลัวบางคนในบ้านอย่างเห็นได้ชัด โดยเด็กจะหลบหน้าคน ๆ นั้น หรือหลบสายตา ไม่ยอมเผชิญหากับบุคคลที่เด็กกลัว
มีปัญหาในการนอน นอนไม่หลับ หลับไม่สนิท ฝันร้าย อาจมีอาการละเมอ หรือปัสสาวะ รดที่นอนร่วมด้วย
รับประทานอาหารน้อยลง เบื่ออาหาร แม้แต่อาหารที่ชอบก็รับประทานได้น้อยลง จึงทำให้เด็กน้ำหนักลด ซูบผอม
มีความสนใจเรื่องเพศเกินกว่าวัย หรือพยายามยั่วยวนผู้อื่นอย่างเห็นได้ชัด
เลี้ยงลูกอย่างไรให้ปลอดภัยจากการถูกคุกคามทางเพศ
สำหรับการป้องกันการคุกคามทางเพศต่อลูก หลานที่เรารัก และการสอนให้เด็ก ๆ ป้องกันตัวเองจากการถูกคุกคามทางเพศนั้น ผู้เชี่ยวชาญทางจิตวิทยาได้แนะนำเอาไว้ดังนี้ค่ะ
ระมัดระวังการแสดงความรัก หรือการแสดงพฤติกรรมต่อเด็ก โดยเฉพาะพฤติกรรมตามที่ได้แนะนำไปในข้างต้น เพื่อไม่ให้คุกคามเด็ก หรือทำให้เด็กรู้สึกไม่ปลอดภัย
หมั่นคอยถามความรู้สึกเด็ก ๆ อยู่เสมอว่ายังโอเคกับการแสดงออกของคนในบ้านหรือไม่ มีสิ่งกังวลใจ หรือความไม่สบายใจใด ๆ หรือไม่
หมั่นสังเกตพฤติกรรมเด็กว่ามีพฤติกรรมใดเข้าข่ายข้อสังเกตที่ผู้เชี่ยวชาญทางจิตวิทยาแนะนำไว้ในข้อด้านบนหรือไม่
ให้ความรู้เรื่องเพศต่อเด็กอย่างถูกต้อง โดยใช้สื่อ หรือวิธีการที่เหมาะสมกับวัยของเด็ก
หากพบว่าเด็กถูกคุกคามทางเพศ รีบให้ความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน โดยคำนึงถึงความปลอดภัยของเด็กเป็นอันดับแรกค่ะ
ถ้าหากพบเด็กถูกคุกคามทางเพศ หรือต้องการขอความช่วยเหลือ คำปรึกษาในเรื่องดังกล่าว ก็มีหลากหลายช่องทางที่สามารถรับความช่วยเหลือได้ค่ะ เช่น สายด่วน 191 ศูนย์ช่วยเหลือสังคม สายด่วน 1300 ของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ซึ่งทั้งสองเบอร์สามารถ ขอความช่วยเหลือได้ 24 ชั่วโมง ไม่เว้นวันหยุดราชการเลยค่ะ หรือพาเด็กขอรับความช่วยเหลือจากโรงพยาบาลใกล้บ้านก็ได้เช่นกันนะคะ หากเป็นโรงพยาบาลที่มีผู้เชี่ยวชาญทางจิตวิทยาอยู่ด้วยก็จะสามารถช่วยเหลือคุณผู้อ่านได้ตรงประเด็นมากขึ้นค่ะ
สำหรับใครที่กำลังเครียด กังวล คิดมาก ทั้งเรื่องของปัญหา Burn Out จากการทำงาน ปัญหาความสัมพันธ์ต่างๆ ในครอบครัว คนรัก ไปจนถึงภาวะต่างๆ เช่น ซึมเศร้า ทุกปํญหาสำคัญและเป็นเรื่องใหญ่สำหรับเราเสมอ
iSTRONG ยินดีให้บริการ ปรึกษาด้านสุขภาพจิตโดยผู้เชี่ยวชาญ ทั้งจากจิตแพทย์และนักจิตวิทยา ดูรายละเอียดได้ที่นี่
iSTRONG Mental Health
ผู้ดูแลสุขภาพใจให้กับบุคคล ครอบครัว และองค์กร
บริการของเรา
สำหรับบุคคลทั่วไป
• บริการปรึกษา จิตแพทย์และนักจิตวิทยา : http://bit.ly/3lmThUa
• คอร์สฝึกอบรม การเป็นนักจิตวิทยาให้คำปรึกษา : http://bit.ly/3RQfQwS
สำหรับองค์กร
• EAP โปรแกรมสำหรับองค์กร : http://bit.ly/3RLI8Z8
โทร. 02-0268949 หรือ Line : @istrong
บทความแนะนำ :
อ้างอิง :
[1] ประชาชาติธุรกิจ ออนไลน์. 27 ตุลาคม 2564. การล่วงละเมิดเด็ก : สถิติน่าห่วง วิธีแก้ปัญหา ช่องทางขอความช่วยเหลือ. [ออนไลน์]. สืบค้นเมื่อ 27 ตุลาคม 2564 จาก https://www.prachachat.net/general/news-789933
[2] มูลนิธิศูนย์พิทักษ์สิทธิเด็ก. 23 มีนาคม 2564. ล่วงละเมิดทางเพศเด็ก เรื่องที่ผู้ใหญ่ต้องป้องกัน!!. [ออนไลน์]. สืบค้นเมื่อ 27 ตุลาคม 2564 จาก https://www.thaichildrights.org/articles/childsexualabuse/
[3] กรมอนามัย. 1 มิถุนายน 2563. วิธีสังเกตการถูกล่วงละเมิดทางเพศในเด็ก. [ออนไลน์]. สืบค้นเมื่อ 27 ตุลาคม 2564 จาก https://multimedia.anamai.moph.go.th/infographics/sexual-harassment3/
ประวัติผู้เขียน : จันทมา ช่างสลัก
บัณฑิตสาขาวิชาเอกจิตวิทยาคลินิก เกียรตินิยมอันดับ 2 จากรั้ว มช. และมหาบัณฑิตด้านการพัฒนาสังคม NIDA มีประสบการณ์ด้านจิตวิทยาเด็ก 4 ปี เป็นผู้ช่วยนักวิจัย ด้านจิตวิทยา 1 ปี ปัจจุบันเป็นนักวิเคราะห์นโยบายและแผนชำนาญการ และคุณแม่ของลูก 1 คน แมว 2 ตัว ที่ประยุกต์ใช้ศาสตร์ทางจิตวิทยาในการใช้ชีวิต
Kommentare