เพิ่มทักษะ Diversity & Inclusion ด้วยจิตวิทยาการสื่อสาร 5 รูปแบบ
ตลอดระยะเวลาหลาย ปีในฐานะที่ปรึกษาด้านจิตวิทยาองค์กร ผู้เขียนได้เห็นปัญหาด้านจิตวิทยาการสื่อสารในที่ทำงานมามากมาย รวมทั้งคนจำนวนมากยอมรับว่าเรื่อง “การสื่อสาร” เป็นประเด็นหลักของปัญหาในการทำงาน ตั้งแต่ความขัดแย้งระหว่างพนักงานที่นำไปสู่การลาออก ไปจนถึงโครงการสำคัญที่ล้มเหลวเพราะการสื่อสารที่ผิดพลาด แต่ในขณะเดียวกัน ผู้เขียนก็ได้เห็นการเปลี่ยนแปลงแบบก้าวกระโดดในองค์กรที่นำเครื่องมือการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพมาใช้
เครื่องมือหนึ่งที่ทรงพลังในการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพในองค์กรคือ แนวคิดจิตวิทยาการสื่อสาร Parent-Adult-Child (PAC) จาก Transactional Analysis (TA) เนื่องจากเข้าใจง่าย และปรับใช้ได้ง่าย ผู้เขียนได้เห็นทีมที่เคยมีปัญหาความขัดแย้งรุนแรงกลับมาทำงานร่วมกันได้อย่างราบรื่น และผู้จัดการที่เคยถูกมองว่า ‘tough’ เกินไป กลายเป็นผู้นำลูกน้องรักและไว้ใจ เคารพทุกคนและปฏิบัติกับทุกคนอย่างเท่าเทียม ซึ่งสิ่งนี้ช่วยผลักดันให้ทีมนี้เกิด Diversity & Inclusion ขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด
Parent-Adult-Child (PAC) คืออะไร?
PAC เป็นแนวคิดหลักของ Transactional Analysis (TA) ที่พัฒนาโดย Eric Berne จิตแพทย์ชาวแคนาดา โดยอธิบายว่าบุคลิกภาพของมนุษย์ประกอบด้วยสถานะทางจิตใจ (Ego States) 3 แบบ:
1. Parent (พ่อแม่/ผู้ปกครอง) ความคิด ความรู้สึก และพฤติกรรมที่เลียนแบบมาจากผู้ปกครองหรือผู้มีอิทธิพล
Parent แบ่งออกเป็น 2 ประเภทย่อย:
1.1) Critical Parent (พ่อแม่ที่คอยวิพากษ์วิจารณ์)
ลักษณะ: ชอบตำหนิ ตัดสิน ออกคำสั่ง กำหนดกฎเกณฑ์
คำพูดที่มักใช้: "คุณต้อง...", "คุณควร...", "ไม่ถูกต้อง", "ผิดระเบียบ"
ภาษากาย: ชี้นิ้ว ขมวดคิ้ว ยืนกอดอก
ข้อดี: สร้างระเบียบวินัย กำหนดมาตรฐาน
ข้อเสีย: อาจทำให้ผู้อื่นรู้สึกต่อต้านหรือไม่มีคุณค่า
1.2) Nurturing Parent (พ่อแม่ที่คอยดูแล)
ลักษณะ: ให้การสนับสนุน ดูแลเอาใจใส่ ให้กำลังใจ
คำพูดที่มักใช้: "ไม่เป็นไร", "คุณทำได้ดีแล้ว", "ลองอีกครั้งนะ"
ภาษากาย: ยิ้ม สัมผัสเบาๆ โอบกอด
ข้อดี: สร้างความอบอุ่น ความมั่นใจ
ข้อเสีย: หากมากเกินไปอาจทำให้ผู้อื่นพึ่งพามากเกินไป
2. Adult (ผู้ใหญ่) การคิดและตัดสินใจอย่างมีเหตุผลบนพื้นฐานของข้อมูลปัจจุบัน
ลักษณะ: คิดอย่างมีเหตุผล วิเคราะห์ข้อมูล ตัดสินใจบนพื้นฐานของความเป็นจริง
คำพูดที่มักใช้: "ข้อมูลแสดงว่า...", "เราควรพิจารณา...", "ทางเลือกของเรามี..."
ภาษากาย: สบตา ท่าทางเปิดกว้าง ฟังอย่างตั้งใจ
ข้อดี: สร้างการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ แก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ
ข้อเสีย: อาจดูเย็นชาหากใช้มากเกินไปโดยไม่คำนึงถึงอารมณ์ความรู้สึก
3. Child (เด็ก) ความคิด ความรู้สึก และพฤติกรรมที่เกิดขึ้นจากประสบการณ์ในวัยเด็ก โดย Child แบ่งออกเป็น 2 ประเภทย่อย:
3.1) Free Child (เด็กที่เป็นอิสระ)
ลักษณะ: แสดงออกอย่างเป็นธรรมชาติ มีความคิดสร้างสรรค์ สนุกสนาน
คำพูดที่มักใช้: "สนุกจัง!", "ลองทำแบบนี้ดีไหม?", "ว้าว!"
ภาษากาย: ยิ้มกว้าง หัวเราะ เคลื่อนไหวอย่างมีชีวิตชีวา
ข้อดี: สร้างสรรค์ไอเดียใหม่ๆ สร้างบรรยากาศที่สนุกสนาน
ข้อเสีย: อาจไม่เหมาะสมในบางสถานการณ์ที่ต้องการความเป็นทางการ
3.2) Adapted Child (เด็กที่ปรับตัว)
ลักษณะ: ปรับตัวตามสิ่งแวดล้อม อาจแสดงออกแบบยอมจำนนหรือต่อต้าน
คำพูดที่มักใช้: "ผมขอโทษ", "ช่วยด้วย", "ไม่เอา!", "ทำไมต้องเป็นผมด้วย?"
ภาษากาย: ก้มหน้า หลบตา กอดอก บ่นพึมพำ
ข้อดี: ช่วยในการปรับตัวเข้ากับสังคม
ข้อเสีย: อาจนำไปสู่การไม่กล้าแสดงออกหรือพฤติกรรมต่อต้าน
การสังเกตและควบคุมจิตวิทยาการสื่อสารของตัวเอง
1. สังเกตตนเอง
สังเกตความคิด: สังเกตว่าคุณกำลังพูดกับตัวเองในแบบใด
ตระหนักถึงอารมณ์: รู้สึกอย่างไร? โกรธ? กลัว? มีเหตุผล?
สำรวจพฤติกรรม: คุณกำลังทำอะไร? ท่าทางเป็นอย่างไร?
2. สังเกตผู้อื่น
ฟังคำพูด: เขาใช้ภาษาแบบไหน? สั่งการ? วิเคราะห์? หรือแสดงอารมณ์?
ดูภาษากาย: ท่าทาง การเคลื่อนไหว สีหน้าเป็นอย่างไร?
สังเกตปฏิกิริยา: เขาตอบสนองต่อสถานการณ์อย่างไร?
3. ควบคุมและปรับเปลี่ยนสถานะ
ตั้งสติ: หยุดคิดก่อนตอบสนอง
เลือกสถานะที่เหมาะสม: พิจารณาว่าสถานะใดจะเหมาะสมที่สุดกับสถานการณ์
ฝึกฝน: ทดลองใช้สถานะต่างๆ ในสถานการณ์ที่ปลอดภัย เพื่อให้เกิดความคุ้นเคย
PAC ในที่ทำงานสำคัญอย่างไร
การใช้แนวคิด PAC ในที่ทำงานช่วยให้คนทำงานมีเครื่องมือที่จำง่ายและใช้ง่าย ไปใช้ในการสื่อสารเพื่อปรับรูปแบบให้เหมาะกับผู้คนที่หลากหลายมากขึ้น เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ทั้งด้านผลลัพธ์ที่ต้องการและความสัมพันธ์ที่ดี ยกตัวอย่างเช่น
1. การสื่อสารมีประสิทธิภาพมากขึ้น: การรู้จักรูปแบบการสื่อสารของตนเองและคู่สนทนาช่วยให้สื่อสารได้ตรงจุดมากขึ้น และเข้ากันได้มากขึ้น เหมือนคำพูดที่ว่า “ถูกจริตกัน”
2. ความขัดแย้งลดลง: เมื่อสื่อสารได้ตรงจริต จะช่วยลดความเข้าใจผิดและความขัดแย้งลงได้ เมื่อเห็นไม่ตรงกัน ต่างฝ่ายต่างสามารถสื่อสารความคิดตัวเองได้โดยไม่ต้องทะเลาะกัน
3. ความสัมพันธ์ดีขึ้น: เวลาที่คุณปรับการสื่อสารให้เข้ากับเพื่อนร่วมงานแต่ละคน จะทำให้ปฏิสัมพันธ์ในทีมเกิด flow หรือภาวะลื่นไหล คนอื่นจะรู้สึกว่าคุณเข้าใจพวกเขา
4. ประสิทธิภาพการทำงานเพิ่มขึ้น: แน่นอนว่าการสื่อสารที่ดีขึ้นนำไปสู่การทำงานที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
งานวิจัยของ Burgess (2005) พบว่าทีมที่ได้มีทักษะการสื่อสารเรื่อง PAC มีประสิทธิภาพการทำงานเพิ่มขึ้น 25% และมีความพึงพอใจในการทำงานเพิ่มขึ้น 30%
แนวทางการใช้ PAC ในที่ทำงาน
1. รู้จักและเลือกใช้สถานะให้เหมาะสม
Critical Parent (CP): ใช้เมื่อต้องกำหนดมาตรฐานหรือแก้ไขพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม
Nurturing Parent (NP): ใช้เมื่อต้องการสนับสนุน ให้กำลังใจ หรือดูแลทีม
Adult (A): ใช้เป็นหลักในการทำงาน วิเคราะห์ข้อมูล และตัดสินใจ
Free Child (FC): ใช้เมื่อต้องการความคิดสร้างสรรค์หรือสร้างบรรยากาศผ่อนคลาย
Adapted Child (AC): ใช้เมื่อต้องปรับตัวเข้ากับสถานการณ์หรือเรียนรู้สิ่งใหม่
2. วิเคราะห์สถานะของคู่สนทนา
สังเกตภาษา น้ำเสียง และภาษากายของอีกฝ่าย
ปรับการสื่อสารให้สอดคล้องหรือนำพาการสนทนาไปสู่สถานะที่เหมาะสม
3. ฝึกการสลับ Ego State
ฝึกการเปลี่ยนรูปแบบการสื่อสารของตัวเองอย่างคล่องแคล่วตามสถานการณ์
ตระหนักว่าแต่ละ Ego State มีข้อดีและข้อเสีย เพียงแค่เลือกใช้ให้เหมาะสม
4. สร้างสมดุลในทีม
ส่งเสริมให้สมาชิกในทีมเข้าใจและใช้ PAC
สร้างวัฒนธรรมที่เปิดกว้างสำหรับการสื่อสารทุกรูปแบบอย่างเหมาะสม
5. ใช้ PAC ในการแก้ปัญหา
วิเคราะห์ปัญหาด้วย Adult
ใช้ Critical Parent เมื่อต้องการความเด็ดขาด
ใช้ Nurturing Parent เมื่อต้องการสร้างความร่วมมือ
ใช้ Free Child เพื่อหาแนวทางแก้ปัญหาที่สร้างสรรค์
ลองจินตนาการถึงบริษัทเทคแห่งหนึ่ง ทีมพัฒนาซอฟต์แวร์และทีมการตลาดมักจะมีความขัดแย้งกันอยู่เสมอ ทีมพัฒนามักจะบ่นว่าทีมการตลาดไม่เข้าใจข้อจำกัดทางเทคนิค ในขณะที่ทีมการตลาดก็รู้สึกว่าทีมพัฒนาไม่ใส่ใจความต้องการของลูกค้า เมื่อนำแนวคิด PAC มาใช้ พวกเขาเริ่มเข้าใจว่าทีมพัฒนามักจะสื่อสารในแบบ Critical Parent เมื่อพูดถึงข้อจำกัดทางเทคนิค ในขณะที่ทีมการตลาดมักจะอยู่ในสถานะ Free Child เมื่อเสนอไอเดียใหม่ๆ การตระหนักรู้นี้ทำให้ทั้งสองทีมเริ่มปรับการสื่อสารให้อยู่ในระดับ Adult-Adult มากขึ้น ส่งผลให้การทำงานร่วมกันมีประสิทธิภาพมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
อีกกรณีหนึ่งที่น่าสนใจคือ ในบริษัทการเงินแห่งหนึ่ง ผู้จัดการคนหนึ่งมีชื่อเสียงในการเป็นหัวหน้าที่ "tough" และ "ดุ" จนทำให้พนักงานเกรงกลัวและไม่กล้าแสดงความคิดเห็น แต่เมื่อได้เรียนรู้เรื่อง PAC เขาเริ่มตระหนักว่าตัวเองมักจะอยู่ในสถานะ Critical Parent มากเกินไป เขาจึงเริ่มฝึกการใช้ Nurturing Parent มากขึ้นเมื่อต้องการสนับสนุนทีม และใช้ Adult เมื่อต้องการความคิดเห็นที่ตรงไปตรงมา การเปลี่ยนแปลงนี้ส่งผลให้ทีมของเขากล้าแสดงความคิดเห็นตอนประชุมมากขึ้น ทำให้ทีมนี้สามารถสร้าง solutions ทางการเงินใหม่ ๆ ที่ช่วยสร้างการเติบโตให้กับบริษัท
ตัวอย่างการใช้คำพูดตาม PAC ในที่ทำงาน
1. การประชุมทีม
เริ่มประชุม (NP): "สวัสดีทุกคน ขอบคุณที่มาร่วมประชุมกันวันนี้ เรามีหัวข้อสำคัญที่จะพูดคุยกัน"
นำเสนอข้อมูล (A): "จากข้อมูลยอดขายเดือนที่ผ่านมา เราพบว่า..."
กระตุ้นความคิดสร้างสรรค์ (FC): "ลองคิดนอกกรอบกันหน่อย มีไอเดียแปลกๆ อะไรบ้างที่อาจช่วยเพิ่มยอดขายได้?"
สรุปและกำหนดเป้าหมาย (CP): "เราต้องเพิ่มยอดขายให้ได้ 20% ภายในเดือนหน้า ทุกคนต้องทำงานหนักขึ้น"
ให้กำลังใจ (NP): "ดิฉันเชื่อว่าพวกเราทำได้ ถ้ามีปัญหาอะไร อย่าลืมมาปรึกษากันนะคะ"
2. การให้ฟีดแบ็ก
เริ่มต้น (NP): "น้องเอมอร ขอบคุณที่ทำงานหนักมาตลอด พี่อยากคุยเรื่องผลงานที่ผ่านมาหน่อย"
ให้ข้อมูล (A): "จากรายงานการทำงาน 3 เดือนที่ผ่านมา พบว่าน้องส่งงานล่าช้า 5 ครั้ง"
ระบุปัญหา (CP): "การส่งงานล่าช้าส่งผลกระทบต่อทั้งทีม เราต้องแก้ไขปัญหานี้"
หาแนวทางแก้ไข (A): "มีปัจจัยอะไรที่ทำให้น้องส่งงานล่าช้าบ้าง? เรามาช่วยกันหาวิธีแก้ไขกัน"
ให้กำลังใจ (NP): "พี่เชื่อว่าน้องมีศักยภาพนะ เรามาช่วยกันพัฒนาให้ดีขึ้นกัน"
3. การจัดการความขัดแย้ง
เริ่มต้น (A): "ผมสังเกตว่ามีความไม่เข้าใจกันระหว่างทีมการตลาดและทีมขาย เรามาคุยกันเพื่อแก้ปัญหานี้ครับ"
รับฟังปัญหา (NP): "ช่วยเล่าให้ฟังหน่อยครับว่าแต่ละฝ่ายกำลังประสบปัญหาอะไร"
วิเคราะห์สถานการณ์ (A): "จากที่ฟัง ดูเหมือนว่าปัญหาหลักคือการสื่อสารที่ไม่ชัดเจนระหว่างสองทีม"
เสนอแนวทางแก้ไข (FC): "ลองจัดกิจกรรม Team Building แบบสนุกๆ เพื่อให้สองทีมได้รู้จักกันมากขึ้นดีไหม?"
กำหนดแนวทางปฏิบัติ (CP): "ต่อไปนี้ ทุกโปรเจกต์ต้องมีตัวแทนจากทั้งสองทีมร่วมประชุมตั้งแต่เริ่มต้น"
สร้างความร่วมมือ (NP): "ผมเชื่อว่าถ้าเราร่วมมือกัน เราจะสร้างผลงานที่ยอดเยี่ยมได้แน่นอน"
4. การสร้างนวัตกรรม
กระตุ้นความคิดสร้างสรรค์ (FC): "วันนี้เราจะมา Brainstorm กันแบบไร้ขีดจำกัด ไอเดียบ้าๆ บอๆ ก็เอามาได้เลย!"
วิเคราะห์ความเป็นไปได้ (A): "มาดูกันว่าไอเดียไหนที่เราสามารถพัฒนาต่อยอดได้จริง"
กำหนดแผนงาน (CP): "เราจะต้องพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่นี้ให้เสร็จภายใน 6 เดือน"
สนับสนุนทีม (NP): "ทุกความคิดเห็นมีค่า อย่ากลัวที่จะเสนอไอเดียนะจ๊ะ"
เรียนรู้และปรับตัว (AC): "นี่เป็นเทคโนโลยีใหม่สำหรับเรา เราต้องเรียนรู้และปรับตัวกันเยอะ แต่พี่เชื่อว่าเราทำได้"
การเข้าใจและใช้แนวคิด Parent-Adult-Child (PAC) ในที่ทำงานสามารถยกระดับการสื่อสารและความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนร่วมงานได้อย่างมาก การฝึกฝนการรับรู้และควบคุมสถานะทางจิตใจของตนเอง รวมถึงการวิเคราะห์และตอบสนองต่อสถานะของผู้อื่นอย่างเหมาะสม จะช่วยให้คุณกลายเป็นนักสื่อสารที่มีประสิทธิภาพและเป็นที่ยอมรับในองค์กร หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้คุณมองเห็นแนวทางในการพัฒนาการสื่อสารของคุณนะคะ
หากคุณต้องการเรียนรู้แนวคิด Transactional Analysis รวมถึงเรื่อง PAC มากขึ้น ลองดูหลักสูตรฝึกอบรม The Art of Influence จิตวิทยาการสื่อสารและโน้มน้าว ที่สอนโดยนักจิตวิทยาได้ที่
หากคุณต้องการพัฒนาทักษะด้านจิตวิทยา เพื่อปรับใช้ในการทำงาน ครอบครัว ความสัมพันธ์และในชีวิตประจำวัน สามารถดูคอร์สเรียนจาก iSTRONG ได้ที่นี่
iSTRONG Mental Health
ผู้ดูแลสุขภาพใจให้กับบุคคล ครอบครัว และองค์กร
บริการของเรา
สำหรับบุคคลทั่วไป
บริการปรึกษา จิตแพทย์และนักจิตวิทยา : http://bit.ly/3lmThUa
คอร์สฝึกอบรมทักษะด้านจิตวิทยา : http://bit.ly/3RQfQwS
สำหรับองค์กร
EAP โปรแกรมสำหรับองค์กร : http://bit.ly/3RLI8Z8
โทร. 02-0268949 หรือ Line : @istrong
อ้างอิง:
Burgess, R. L. (2005). Transactional Analysis in the Workplace: Improving Communication and Productivity. Journal of Organizational Behavior Management, 25(2), 31-54.
ผู้เขียน:
พิชาวีร์ เมฆขยาย
ที่ปรึกษาด้านสุขภาพจิตในองค์กร iSTRONG Mental Health
M.Sc. จิตวิทยาอุตสาหกรรมและองค์การ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
B.Sc. จิตวิทยา (เกียรตินิยม) มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
Certificate: Positive Psychology by Martin Seligman authorized by University of Pennsylvania
Comments