4 เหตุผลที่คุณควรมองโลกในแง่ดี
ในสังคมที่เราใช้ชีวิตอยู่ทุกวันนี้ ต้องบอกเลยว่าไม่แกร่งจริงอยู่ไม่ได้ นั้นก็เพราะเราต้องแข่งขันในทุกๆ ด้านกับคนที่เราอยู่ด้วยในสังคม ตั้งแต่เรื่องง่ายๆ คือ การเดินทางในชีวิตประจำวัน ต้องแข่งกันออกจากบ้าน แข่งกันทำเวลาบนท้องถนน ไปจนถึงเรื่องใหญ่ๆ อย่างการสมัครงาน การเลื่อนตำแหน่ง การย้ายตำแหน่งที่ดุเดือดและฟาดฟันกันรุนแรง จนอาจกล่าวได้ว่า การใช้ชีวิตทุกวันนี้บ่มเพาะให้เราไม่มีมิตรแท้และศัตรูที่ถาวรในสังคม
แต่ถึงอย่างนั้นก็ตาม “การมองโลกในแง่ดี” ก็ยังคงเป็นสิ่งที่จำเป็นอยู่ เพราะ “การมองโลกในแง่ดี” นั้น เปรียบเสมือนไฟฉายที่ส่องทางในอุโมงค์มืดๆ ที่เราก้าวเดิน เปรียบเสมือนน้ำหล่อเลี้ยงจิตใจให้เรายังคงมีแรงใช้ชีวิตต่อไป โดยไม่เสียความเป็นมนุษย์จนเกินควร ดังที่ Martin Seligman อดีตประธานสมาคมจิตวิทยาอเมริกัน (American Psychological Association ; APA) ได้กล่าวไว้ว่า “การมองโลกในแง่ดี คือการสร้างคุณค่าให้แก่ชีวิต” และต่อไปนี้คือเหตุผลที่ว่า ทำไมเราถึงควรมองโลกในแง่ดี
เหตุผลที่ 1 การมองโลกในแง่ดี ทำให้เรามีความสัมพันธ์ทางสังคมที่ดีมาก
Seligman ได้ศึกษาข้อแตกต่างระหว่างคนที่มีความสุขมากๆ กับคนปกติทั่วไป ผลการศึกษาพบว่า มีความแตกต่างอยู่อย่างเดียว คือ คนที่มีความสุขในระดับสูงจะมีความสัมพันธ์ทางสังคมในระดับที่ดีตามไปด้วย เมื่อศึกษาถึงเหตุปัจจัยยังพบอีกว่า คนที่มีความสุขมากๆ มักจะเป็นผู้ที่มองโลกในแง่ดี และนิยมทำกิจกรรมร่วมกับผู้อื่น จึงไม่น่าแปลกใจเลยว่า ผู้คนเหล่านี้จะเป็นที่ชื่นชอบและเป็นที่รักของคนรอบข้าง
เหตุผลที่ 2 การมองโลกในแง่ดี ทำให้เรามีความรื่นรมย์ในชีวิต
คำว่า “ความรื่นรมย์ในชีวิต” หมายถึง การมีความสบายใจในการใช้ชีวิต ถ้าอธิบายให้เห็นภาพก็ประมาณว่า เราสามารถใช้ชีวิตโดยไม่มีความกังวล ใช้ชีวิตโดยปราศจากความระแวง และใช้ชีวิตโดยไม่รู้สึกกลัว ซึ่งคำอธิบายทั้งหมดนี้ล้วนเป็นผลมาจาก “การมองโลกในแง่ดี” เพราะการมองโลกในแง่ดีจะทำให้เรารู้สึกว่าชีวิตยังมีหวัง ชีวิตยังมีความสดใส ชีวิตยังน่าใช้ และโลกยังน่าอยู่ โดย Seligman ได้อธิบายเพิ่มเติมว่า ชีวิตที่รื่นรมย์ จะเป็นชีวิตที่มีความสนุกสนาน เป็นชีวิตที่มุ่งตอบสนองความเพลิดเพลิน และแผ่ขยายอารมณ์ทางบวกนั้นออกไปสู่ผู้คนรอบข้าง ทำให้ผู้คนรอบข้างรู้สึกสดใสและมีความสุขไปด้วย
เหตุผลที่ 3 การมองโลกในแง่ดี ทำให้เราทุ่มเทมากยิ่งขึ้น
การมองโลกในแง่ดี จะทำให้เรามองเห็น “จุดแข็ง” ของตัวเราเอง และเมื่อเราได้รู้จักจุดแข็งของเรา เราจะสามารถดึงจุดแข็งนั้นมาเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิตของเราได้ ทั้งเรื่องการเรียน การงาน การสร้างความสัมพันธ์ หรือแม้กระทั่งการอยู่กับตัวเอง เหตุนี้เองจึงส่งผลให้คนที่มองโลกในแง่ดี มีแนวโน้มที่จะทุ่มเทในการใช้ชีวิต โดยนำเอาจุดแข็งมาเป็นที่ตั้ง หรือเป็นอาวุธในการใช้ชีวิต เพราะเชื่อมั่นในข้อดีที่ตนเองมี และเชื่อว่าจะสามารถสร้างสรรค์สิ่งที่ดีจากข้อดีหรือจุดแข็งของตนเอง ถึงแม้บางครั้งเราจะไม่ประสบผลในการทุ่มเท แต่เชื่อเถอะค่ะว่าเราจะภูมิใจว่าเราได้เต็มที่กับสิ่งที่เราทำแล้ว
เหตุผลที่ 4 การมองโลกในแง่ดี ทำให้ชีวิตมีความหมาย
ชีวิตที่มีความหมาย ถือว่าเป็นความสุขในรูปแบบที่มักได้รับยกย่องว่ามีคุณค่าสูงสุด คำว่าความหมายในที่นี้ คล้ายกับคำว่าความอิ่มเอิบหรืองอกงามทางจิตใจ ซึ่งประกอบด้วยการรู้ว่าอะไรคือจุดแข็งของเรา แล้วก็ใช้มันเพื่อเข้าถึง เป็นส่วนหนึ่ง และสร้างประโยชน์แก่บางสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่าตัวเราเอง เช่น มนุษยชาติ ศาสนา จิตวิญญาณ
ซึ่งจากผลการวิจัยของ Seligman พบว่า คนเราจะมีความสุขและภาคภูมิใจมากที่สุดหากบรรลุความหมายของชีวิต และการมองโลกในแง่ดีจะเป็นปัจจัยที่ส่งเสริมให้เรามีพลังในการแสวงหาความหมายของชีวิต เพราะมีความศรัทธาว่า เราจะสามารถสร้างโลกที่ดีกว่าเดิมได้ และมีความหวังที่งดงามว่า เรานี่แหละที่จะสามารถเปลี่ยนโลกได้
คุณผู้อ่านค่ะ ถึงแม้ว่า “การมองโลกในแง่ดี” บางครั้งจะถูกคนมองว่า “โลกสวย” แต่จากเหตุผลทั้ง 4 ในข้างต้นแล้ว ก็ขอให้ภูมิใจเถอะค่ะ ว่าอย่างน้อย “การมองโลกในแง่ดี” ก็ทำให้โลกของเรามีความสวยงาม มีพลังในการต่อสู้ชีวิต เป็นแสงรุ้งสดใสท่ามกลางความเทาที่เข้มข้นขึ้นทุกวันในสังคม
iStrong บริการให้คำปรึกษาโดยนักจิตวิทยาที่มีใบรับรอง คุยทางโทรศัพท์หรือคุยแบบพบหน้า https://www.istrong.co/service
อ้างอิง : https://www.ted.com/talks/martin_seligman_on_the_state_of_psychology?language=th
Comments