top of page

ความคิดแบบไหนที่ควรบอกลา เพื่อพัฒนาความสุขของตัวเอง

iSTRONG ความคิดแบบไหนที่ควรบอกลา เพื่อพัฒนาความสุขของตัวเอง

“อยู่กับตัวเองให้ระวังความคิด อยู่กับมิตรให้ระวังคำพูด” เป็นประโยคที่มักจะได้ยินกันบ่อย แต่ในบางครั้งการระวัง ‘ความคิด’ และ ‘คำพูด’ ก็เป็นไปได้ยากเพราะในการที่จะระวังความคิดและคำพูดได้นั้นจะต้องอาศัยการรับรู้และเข้าใจตัวเอง ซึ่งอาจจะต้องตั้งต้นด้วยการสำรวจตัวเองก่อนว่าส่วนใหญ่แล้วตัวเองมักจะมีความคิดแบบไหน


และจากนั้นก็มาดูว่าความคิดแบบไหนที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อตัวเองเพื่อที่จะได้บอกลาความคิดเหล่านั้นแล้วฝึกตัวเองให้คิดในรูปแบบใหม่ที่มันจะช่วยส่งเสริม well-being ของตัวเอง ในบทความนี้ผู้เขียนจึงอยากชวนให้ทุกคนลองมาสำรวจตัวเองกันดูว่าคุณมีความคิดที่เป็นพิษต่อตัวเองอยู่หรือไม่ ดังนี้


  1. ทัศนคติแบบเหยื่อ (Victim Mentality)

มองว่าตัวเองเป็นเหยื่อของสถานการณ์หรือเหตุการณ์ต่าง ๆ และเชื่อว่าตัวเองไม่สามารถควบคุมหรือเปลี่ยนแปลงมันได้ โดยตัวอย่างพฤติกรรมของคนที่มีทัศนคติแบบเหยื่อ ได้แก่

  • คิดว่าที่ชีวิตของตัวเองกลายเป็นแบบนี้มันเป็นเพราะคนอื่นทำ

  • พอได้สงสารตัวเองแล้วจะรู้สึกดีขึ้น

  • มีแนวโน้มที่จะชอบ hang out กับคนที่มีลักษณะชอบกล่าวโทษหรือตำหนิคนอื่นมากกว่า

  • รู้สึกว่าตัวเองขาดการสนับสนุนช่วยเหลือจากคนอื่น

  • ขาดความมั่นใจในตนเองและมักจะมีภาวะ low self-esteem

  • คิดว่าโลกนี้ไม่มีความยุติธรรม

  • มองโลกแบบขาวกับดำ

  • ไม่รู้สึกเห็นอกเห็นใจ (empathy) ต่อปัญหาของคนอื่น

  • ไม่สามารถสนับสนุนทางอารมณ์หรือเปิดใจรับฟังเพื่อเข้าใจผู้อื่นได้

  • รู้สึกว่าตัวเองไม่สามารถทำอะไรได้เลย 

  • มักจะรู้สึกอยู่เสมอว่าคนอื่น ๆ มีชีวิตที่ดีกว่า 


การมีทัศนคติแบบเหยื่อมักจะนำไปสู่กับรู้สึกผิด อับอาย ซึมเศร้า เกิดความคับข้องใจกับโลกใบนี้ รู้สึกเจ็บปวดอยู่ตลอดเวลาเพราะคิดว่าโลกนี้ไม่มีใครที่แคร์คุณเลย รู้สึกแปลกแยกและเหงา รวมถึงรู้สึกไม่พอใจเวลาที่เห็นคนอื่นประสบความสำเร็จ ส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์และการทำงาน


เพราะคนรอบตัวจะรู้สึกถูกควบคุมบงการหรือถูกกล่าวโทษอยู่ตลอดเวลา อย่างไรก็ตาม ทัศนคติแบบเหยื่อนั้นมีที่มา เช่น เกิดจากประสบการณ์ที่ไม่ดีในอดีต ทำให้เกิดการเรียนรู้ที่ทำให้มีทัศนคติแบบเหยื่อ การฝึกฝนวิธีคิด ฝึกขอบคุณ หรือไปพบผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิตจึงสามารถช่วยให้คนที่มีทัศนคติแบบเหยื่อสามารถเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีได้


  1. รูปแบบความคิดที่เป็นพิษต่อตัวเอง (toxic mindset patterns)

จากบทความของ Psychology Today เขียนโดย Sean Grover ได้กล่าวถึง 3 รูปแบบความคิดที่เป็นพิษต่อตัวเอง ได้แก่

“ฉันเป็นคนนอกอยู่เสมอ” ทำให้มักจะคาดการณ์ไปก่อนล่วงหน้าว่าตัวเองจะถูกสังคมปฏิเสธ

“ฉันมีปัญหาในการเชื่อใจคนอื่น” ทำให้ถอนตัวออกจากสังคม หลีกเลี่ยงความใกล้ชิดผูกพันกับคนอื่น และแยกตัวโดดเดี่ยวออกมาจากผู้คน

“ทุกคนทอดทิ้งฉัน” ทำให้มองเห็นความเจ็บปวดในทุกความสัมพันธ์และเชื่อว่าการใกล้ชิดกับคนอื่นมาก ๆ ความสัมพันธ์มักจะจบลงแบบเลวร้าย 


รูปแบบความคิดเหล่านั้นมักจะนำไปสู่การไม่มีความสุข ซึ่งเมื่อคิดแบบนั้นบ่อย ๆ ก็จะทำให้เกิดปรากฏการณ์ที่ Sigmund Freud เรียกว่า “การบีบคั้นให้ทำซ้ำ (repetition compulsion)” ต่อให้ทำแล้วไม่มีความสุขหรือรู้ว่ามันเป็นพฤติกรรมที่ “unhealthy” แต่ก็ห้ามตัวเองไม่ได้และยังคงทำซ้ำ ๆ แบบเดิมไปอยู่ดี


ในการแก้ไขรูปแบบความคิดเหล่านี้จึงจำเป็นที่จะต้องทำลายรูปแบบความคิดเดิม ซึ่งนักจิตบำบัดที่มีความเชี่ยวชาญจะสามารถช่วยให้คุณค่อย ๆ ออกจากความคิดเหล่านี้ไปสู่รูปแบบความคิดใหม่ ๆ ที่ดีต่อการใช้ชีวิตมากขึ้น 


จากที่ผู้เขียนได้หยิบยกขึ้นมาในข้างต้นนั้นเป็นเพียงส่วนหนึ่งของความคิดที่มักจะนำไปสู่ความรู้สึกไม่มีความสุขอันเกิดจากอารมณ์ต่าง ๆ เช่น อับอาย รู้สึกผิด โดดเดี่ยว เหงา หรือเศร้า ซึ่งในความเป็นจริงแล้วยังมีความคิดอีกหลายรูปแบบที่ส่งผลในลักษณะเดียวกัน


อย่างไรก็ตาม ผู้เขียนเชื่อว่าต่อให้จะเป็นความคิดแบบใดก็ตาม หากเจ้าของความคิดรู้เท่าทันว่าตัวเองมักจะมีความคิดแบบใดเกิดขึ้นบ่อยหรือเคยชินกับมันก็จะช่วยให้สามารถจัดการกับความคิดของตัวเองได้มากขึ้น ทั้งนี้ ไม่ได้หมายความว่าทุกคนควรที่จะทำให้ตัวเองมีแต่ความคิดทางบวกเท่านั้น


เพราะมันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีแต่ความคิดบวกอยู่ตลอดเวลาแม้ต้องพบเจอกับสิ่งที่กระตุ้นความเครียดหรือทำให้เกิดอารมณ์ขุ่นมัว สิ่งที่ทำได้จริงมากกว่าจึงเป็นการฝึกรู้เท่าทันว่าตัวเองมีความคิดอะไร โดยอาจจะนำเทคนิคการฝึกสติ (Mindfulness exercises) เข้ามาช่วย เช่น

  • จดจ่อกับสิ่งรอบตัว เพื่อใช้ประสาทสัมผัสรับรู้ให้มากขึ้น เช่น กลิ่น รสชาติ ฯลฯ

  • อยู่กับปัจจุบัน ฝึกเปิดใจ ยอมรับ และมองหาความสุขที่เกิดขึ้นในแต่ละวันผ่านสิ่งที่เรียบง่าย

  • ยอมรับตนเอง ปฏิบัติกับตัวเองดุจดั่งเพื่อนที่คุณรักคนหนึ่งของคุณ

  • อยู่กับลมหายใจ เมื่อมีความคิดทางลบเกิดขึ้น พยายามนั่งลงแล้วสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ หลับตาลง จดจ่ออยู่กับลมหายใจของตัวเองที่มันผ่านเข้าออกจากร่างกาย การทำเช่นนี้แม้เพียงไม่กี่นาทีต่อวันก็สามารถช่วยให้รู้สึกดีขึ้นมาได้ 


ผู้เขียนขอทิ้งท้ายว่าหากคุณเจอกับคนอื่นที่เป็นพิษหรือทำให้คุณรู้สึกไม่ดี คุณยังพอจะปลีกตัวหนีออกมาได้ แต่หากคน ๆ นั้นเป็นตัวคุณเอง มันไม่มีทางที่จะปลีกตัวหรือหนีไปไหนได้เลย ทางเลือกเดียวจึงเป็นการหาวิธีที่จะอยู่กับตัวเองให้มีความสุข


การพาตัวเองให้ไปพบเจอแต่ผู้คนที่ทำให้คุณมีความสุขนั้นอาจจะยากเพราะเราไม่สามารถควบคุมบังคับคนอื่นได้ วิธีที่น่าสนใจกว่าจึงน่าจะเป็นการทำให้ตัวเองเป็นคน ๆ นั้นที่คุณอยู่ด้วยแล้วมีความสุขและไม่ต้องพยายามหาทางหนีไปจากตัวเอง 

 

iSTRONG Mental Health

ผู้ดูแลสุขภาพใจให้กับบุคคล ครอบครัว และองค์กร


บริการของเรา

สำหรับบุคคลทั่วไป

  • บริการปรึกษา จิตแพทย์และนักจิตวิทยา : http://bit.ly/3lmThUa  

  • คอร์สฝึกอบรมทักษะด้านจิตวิทยา : http://bit.ly/3RQfQwS 

สำหรับองค์กร

โทร. 02-0268949 หรือ Line : @istrong

 

บทความที่เกี่ยวข้อง 

 

อ้างอิง:

Victim Mentality: Definition, Causes, and Ways to Cope.


3 Toxic Mindsets That May Be Poisoning Your Life.


Mindfulness exercises.

Retrieved from

 

ประวัติผู้เขียน

นิลุบล สุขวณิช (เฟิร์น) เคยมีประสบการณ์ทำงานเป็นนักจิตวิทยาการปรึกษาในมหาวิทยาลัยและเป็นวิทยากรเกี่ยวกับปัญหาสุขภาพจิต/การพัฒนาตนเองให้แก่นักศึกษาเป็นเวลา 11 ปี ปัจจุบันเป็นนักเขียนบทความให้กับ ISTRONG และเป็นทาสแมวคนหนึ่ง


Nilubon Sukawanich (Fern) have had experience working as a counseling psychologist at a university and as a speaker on mental health issues and self-development for students for 11 years. Currently, I am a writer for ISTRONG and a cat slave.


iSTRONG ผู้ให้บริการด้านสุขภาพจิต Solutions ด้านสุขภาพจิต ให้คำปรึกษาโดยนักจิตวิทยา นักจิตบำบัด นักจิตวิทยาคลินิกที่มีใบรับรอง รวมถึงบทความจิตวิทยา

© 2016-2025 Actualiz Co.,Ltd. All rights reserved.

contact@istrong.co                     Call 02-0268949

  • Facebook Social Icon
  • YouTube Social  Icon
  • Instagram
  • Twitter
bottom of page