แรงบันดาลใจให้คนป่วยอย่างฉันเข้มแข็ง
New feed ที่เด้งขึ้นมา ณ เวลา 22.00 น. ในวันนี้เป็นเรื่องราวของ Muniba Mazari จากเพจ goalcast ทำให้ออยนึกถึงตอนที่ถูกเข็นเข้าห้องฉุกเฉิน ประโยคเดียวที่ได้ยินในตอนนั้น คือ เสียงของคุณหมอที่บอกว่า “หายใจ ๆๆ” ทั้งน้ำเสียงและความพยายามในการปฐมพยาบาลในวันนั้นยังคงจำขึ้นใจจนถึงวันนี้ ทั้งๆ ที่สาเหตุเกิดจากการพักผ่อนน้อยของเราเองแล้วทำให้เกิดผลข้างเคียงหลังการให้ยา เรื่องนี้จะไม่เกิดถ้าออยใส่ใจตัวเองมากกว่านี้ ทุกครั้งที่ท้อหรือหมดแรงที่จะสู้กับการรักษา สิ่งที่ดึงออยกลับมาอยู่กับปัจจุบัน คือ เหตุการณ์ในห้องฉุกเฉินวันนั้น รวมถึงทุกน้ำใจความช่วยเหลือและกำลังใจจากทุกคนรอบข้าง
เรื่องราว Muniba Mazari อาจจะเป็นเรื่องที่เรานำมาใช้เป็นกำลังใจที่จะก้าวต่อไปได้ดีเธอเป็นชาวปากีสถาน แต่งงานตั้งแต่อายุไม่ถึง 20 ปี ตามความต้องการของพ่อและความเชื่อที่ว่าลูกที่ดีต้องไม่ปฏิเสธบุพการี ชีวิตคู่ของเธอไม่ได้สวยงามและมีความสุขมากนักหลังจากแต่งงานได้ 2 ปี เธอและสามีประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ แต่สามีของเธอปลอดภัยเพราะสามารถกระโดดออกจากรถได้ทัน ในขณะที่เธอยังคงติดอยู่ในรถ ทำให้อาการของเธอค่อนข้างสาหัส
แน่นอน อุบัติเหตุครั้งนี้เปลี่ยนชีวิตของเธอเพราะเธอจะไม่สามารถกลับมาเดินได้เหมือนเดิม มือของเธอก็จะไม่สามารถวาดรูปได้เช่นกันและเธอจะไม่สามารถเป็นแม่ผู้ให้กำเนิดใครได้อีกเลย ณ จุดนี้ เธอถามตัวเองว่า เเล้วฉันจะมีชีวิตอยู่ต่อไปเพื่อใคร?
เธอก้าวข้ามเรื่องนี้ได้หลังจากการนอนพักรักษาตัวในโรงพยาบาลนานกว่า 2 เดือนเธอยอมรับว่ามือของเธอจะไม่สามารถใช้งานได้เหมือนเดิม แต่เธอก็ขอร้องให้พี่ชายนำอุปกรณ์และสีมาให้เธอได้วาดรูป เพราะเธอเบื่อสีขาวของโรงพยาบาลเหลือเกินรูปแรกที่วาดก็เกิดขึ้นบนเตียงคนไข้นั่นเอง เธอถ่ายทอดความรู้สึกออกมาผ่านภาพวาดที่ใครเห็นก็ต้องชมถึงความมีสีสันของภาพ แต่ไม่มีใครมองเห็นความเศร้าภายในภาพวาดนั้นนอกจากตัวเธอเอง
ในวันนั้นเธอตัดสินใจที่จะมีชีวิตต่อเพื่อตัวเอง ไม่จำเป็นต้องเป็นคนที่สมบูรณ์แบบเพื่อใครอีกต่อไปและจะต่อสู้กับความกลัวของเธอด้วยตัวเธอเอง เธอลงมือเขียนความกลัวทั้งหมดของเธอลงบนกระดาษ แล้วตั้งใจที่จะเอาชนะความกลัวเหล่านี้ให้ได้สักครั้งในชีวิตและสิ่งที่เธอกลัวมากที่สุด คือ
การหย่า และเธอก็ปลดปล่อยความกลัวนี้โดยการให้อิสรภาพแก่สามีของเธอ เธอบอกว่ามันทำให้เธอรู้สึกเข้มแข็งขึ้นจริงๆ และในวันที่สามีเธอแต่งงานใหม่ เธอยังคงส่งข้อความไปแสดงความยินดีจากใจจริงอีกด้วย
การที่เธอจะไม่สามารถเป็นแม่ผู้ให้กำเนิดใครได้อีก เรื่องนี้ค่อนข้างทำให้เธอสิ้นหวังมาก แต่เธอก็คิดได้ว่ามีเด็กมากมายบนโลกใบนี้ที่ยังรอคอยการอุปการะแล้วเธอจะมาเสียเวลาร้องไห้ทำไม เธอรอคอยอย่างอดทนเป็นเวลา 2 ปีที่จะได้รับอุปการะเด็กชายคนนึงซึ่งตอนนี้อายุ 6 ปีแล้ว
เธอบอกว่าสิ่งที่เจ็บปวดของคนที่ต้องมีชีวิตที่เหลืออยู่บนรถเข็น คือ การที่คนอื่นมองว่าคนเหล่านี้จะไม่เป็นที่ยอมรับในสังคม แต่เมื่อเรายอมรับในสิ่งที่เราเป็นโลกก็จะยอมรับและเห็นคุณค่าของเรา สิ่งเหล่านี้เริ่มได้จากภายในจิตใจของเราเอง Muniba Mazari ตัดสินใจที่ยอมรับในสิ่งที่เธอเป็นและพยายามออกมาแสดงให้ผู้คนเห็นและยอมรับในตัวเธอผ่านการร่วมกิจกรรมเพื่อสังคมต่าง ๆ เพราะชีวิตก็เหมือนแบบทดสอบซึ่งก็ไม่เคยเป็นเรื่องที่ง่าย และการยอมแพ้ก็ไม่ใช่ทางเลือกสำหรับแบบทดสอบของชีวิตเรา หากเราล้มก็ลุกขึ้นสู้ใหม่ แบบนี้สิถึงจะทำให้เราสามารถเดินต่อไปได้
“อย่าตาย ถ้าคุณยังมีลมหายใจ” หายใจ หายใจ หายใจ ไว้นะคะ
ทุกโรคเป็นได้ก็หายได้...เริ่มต้นที่ใจของเราเองค่ะ แล้วเราจะผ่านเรื่องนี้ไปด้วยกัน
Inspired by: https://www.facebook.com/goalcast/videos/1601308876612963/
Comments