Mental Health First-aid: ทักษะสำคัญสำหรับหัวหน้างานยุค AI
คนทำงานกำลังเผชิญกับปัญหาด้านสุขภาพจิตมากขึ้นเรื่อย ๆ สถิติจาก Harvard Business Review ในปี 2021 ที่สำรวจคนทำงานแบบเต็มเวลาจำนวน 1,500 คน เผยให้เห็นสถิติที่น่าสนใจเกี่ยวกับสุขภาพจิตในที่ทำงานหลายเรื่อง เช่น
76% ของผู้ตอบแบบสอบถาม รายงานว่ามีอาการของปัญหาสุขภาพจิตอย่างน้อยหนึ่งอย่างในปีที่ผ่านมา
68% ของคน Millennials และ 81% ของคน Gen Z เคยลาออกจากงานด้วยเหตุผลด้านสุขภาพจิต ทั้งโดยสมัครใจและไม่สมัครใจ
91% ของผู้ตอบแบบสอบถามเชื่อว่าวัฒนธรรมองค์กรควรสนับสนุนเรื่องสุขภาพจิต
ตัวเลขเหล่านี้แสดงให้เห็นว่าปัญหาสุขภาพจิตในที่ทำงานเป็นเรื่องที่ไม่อาจมองข้าม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคที่เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) กำลังเปลี่ยนแปลงโลกการทำงาน รวมถึงเทรนด์การทำงานจากที่บ้าน (Work from Home) ทำให้พนักงานต้องเผชิญกับความท้าทายด้านสุขภาพจิตที่เพิ่มขึ้น การปรับตัวให้เข้ากับเทคโนโลยีใหม่ๆ อาจสร้างความกดดันและความวิตกกังวล
ในขณะที่การทำงานจากบ้านอาจนำไปสู่ความรู้สึกโดดเดี่ยว ขาดการมีปฏิสัมพันธ์ทางสังคม และความเครียดจากการไม่สามารถแยกแยะเวลางานและเวลาส่วนตัว สถานการณ์เหล่านี้เพิ่มความเสี่ยงต่อปัญหาสุขภาพจิต เช่น ภาวะหมดไฟ (burnout) ความเครียด และภาวะซึมเศร้า
บทบาทของหัวหน้างานจึงต้องปรับตัวตาม นอกเหนือจากการบริหารงานและทีมแล้ว การดูแลสุขภาพจิตของพนักงานกลายเป็นทักษะที่จำเป็นอย่างยิ่ง Mental Health First-aid หรือทักษะการช่วยเหลือด้านจิตใจเบื้องต้น จึงเป็นเครื่องมือสำคัญที่หัวหน้างานควรมีติดตัว
ทำไมสุขภาพจิตของพนักงานจึงสำคัญ?
1. ผลงานและประสิทธิภาพการทำงาน: พนักงานที่มีสุขภาพจิตดีย่อมทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่า มีสมาธิในการตั้งมั่นกับงานที่อยู่ตรงหน้า ทำให้ผิดพลาดน้อยกว่า รวมถึงทำงานได้คุณภาพผลงานที่ดีกว่า ลดอัตราการผัดวันประกันพรุ่งและส่งงานล่าช้า
2. บรรยากาศการทำงาน: พนักงานที่มีสุขภาพจิตดีจะสร้างบรรยากาศการทำงานที่เป็นบวก และมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน รวมถึงควบคุมอารมณ์ได้ดีกว่า ทำให้พนักงานมีความปลอดภัยทางความรู้สึก หรือ Psychological Safety
3. การรักษาพนักงาน: องค์กรที่ใส่ใจสุขภาพจิตพนักงานมีแนวโน้มที่จะรักษาพนักงานที่มีคุณภาพไว้ได้นานกว่า
Mental Health First-aid ช่วยสร้าง Psychological Safety ได้อย่างไร?
Psychological Safety หรือความปลอดภัยทางความรู้สึกหรือทางใจ คือสภาพแวดล้อมที่พนักงานรู้สึกปลอดภัยที่จะแสดงความคิดเห็น ความรู้สึก หรือความกังวลโดยไม่กลัวผลกระทบเชิงลบ การที่หัวหน้างานมีทักษะ Mental Health First-aid จะช่วยสร้างบรรยากาศแห่งความไว้วางใจ ทำให้พนักงานกล้าเปิดใจพูดคุยเมื่อเผชิญปัญหา ซึ่งการเรียนรู้ทักษะนักให้คำปรึกษาก็ช่วยส่งเสริมความรู้และทักษะเหล่านี้ได้
ทำไมหัวหน้างานควรเรียนหลักสูตรนักให้คำปรึกษา?
1. พัฒนาความเข้าอกเข้าใจ (Empathy): หลักสูตรนี้จะช่วยให้หัวหน้างานเข้าใจความรู้สึกและมุมมองของผู้อื่นได้ดีขึ้น
2. เพิ่มทักษะการสื่อสาร: การฝึกฝนจะช่วยให้หัวหน้างานมีเครื่องมือในการพูดคุยที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น
3. สังเกตสัญญาณเตือน: หัวหน้างานจะสามารถสังเกตเห็นสัญญาณของปัญหาสุขภาพจิตได้เร็วขึ้น
4. ให้ความช่วยเหลือเบื้องต้น: เรียนรู้วิธีการช่วยเหลือพนักงานที่กำลังเผชิญปัญหาสุขภาพจิตในเบื้องต้น
ในยุคที่ AI กำลังเข้ามามีบทบาทมากขึ้น การดูแลด้านมนุษย์สัมพันธ์และสุขภาพจิตกลับยิ่งทวีความสำคัญ หัวหน้างานที่มีทักษะ Mental Health First-aid จะสามารถสร้างทีมที่แข็งแกร่งและมีประสิทธิภาพ พร้อมรับมือกับความท้าทายในโลกการทำงานยุคใหม่ได้อย่างมั่นคง
การเรียนรู้หลักสูตรนักให้คำปรึกษาจึงไม่ใช่เพียงการพัฒนาตนเอง แต่ยังเป็นการลงทุนในอนาคตขององค์กรและทีมงานอีกด้วย หัวหน้างานที่มีทักษะนี้จะกลายเป็นผู้นำที่ไม่เพียงแต่บริหารงานเก่ง แต่ยังสามารถสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ส่งเสริมทั้งประสิทธิภาพและความเป็นอยู่ที่ดีของพนักงานได้อย่างยั่งยืน หากคุณเป็นผู้นำที่ต้องการพัฒนาตัวเองในด้านนี้เพิ่มขึ้น สามารถเข้าไปดูรายละเอียดของหลักสูตรจิตวิทยานักให้คำปรึกษา ระดับ Fundamental ได้ที่นี่ >>
iSTRONG Mental Health
ผู้ดูแลสุขภาพใจให้กับบุคคล ครอบครัว และองค์กร
บริการของเรา
สำหรับบุคคลทั่วไป
บริการปรึกษา จิตแพทย์และนักจิตวิทยา : http://bit.ly/3lmThUa
คอร์สฝึกอบรมทักษะด้านจิตวิทยา : http://bit.ly/3RQfQwS
สำหรับองค์กร
EAP โปรแกรมสำหรับองค์กร : http://bit.ly/3RLI8Z8
โทร. 02-0268949 หรือ Line : @istrong
Comments