4 วิธีรักษาสมดุล ป้องกันงานคุกคามชีวิตส่วนตัว
คุณผู้อ่านหลายๆ ท่าน คงเคยตกอยู่ในภาวะ “ตื่นมาก็คิดถึง หลับก็ฝันหา หายใจเข้าออกทุกเวลามีแต่เธอ” ฟังดูเหมือนจะโรแมนติกใช่ไหมคะ แต่ “เธอ” ณ ที่นี้กลับเป็นเรื่องของงาน งานที่ตามหลอกหลอนตั้งแต่วันจันทร์ – ศุกร์ บางท่านลามไปเสาร์ – อาทิตย์ งานที่ทำทั้งวันไม่พอ นอนหลับก็ยังฝันว่าทำงาน ตื่นมาเลยล้าประหนึ่งว่าไม่ได้นอน อย่ากระนั้นเลยค่ะ หากงานคุกคามชีวิตคุณถึงเพียงนั้น เรามาดูแนวคิดในการรักษาสมดุลระหว่างชีวิตและการทำงานจากบุคคลผู้มีชื่อเสียงระดับโลกกัน
บุคคลผู้นั้น คือ Nigel Marsh นักเขียนหนังสือเชิงธุรกิจและบุคลิกภาพชื่อดัง Marsh ได้กล่าวถึงการรักษาสมดุลของชีวิตไว้ว่า ก่อนที่เขาจะเป็นที่นับถือเหมือนในปัจจุบันนี้ เขาเคยเป็นนักรบระดับตำนานของบริษัทมาก่อน แต่ตำนาน ณ ที่นี้ หมายถึงบุรุษยอดนักกิน เป็นแชมป์นักดื่ม และแน่นอนว่าเป็นพนักงานที่ทำงานหนักมากๆ จนทำให้เขาละเลยชีวิตครอบครัวจนเกิดปัญหา กระทั่งวันหนึ่ง เขา ได้ตัดสินใจว่าจะลองเปลี่ยนชีวิตตัวเองใหม่ โดยเฉพาะการรักษาสมดุลระหว่างชีวิตส่วนตัวและการทำงาน จึงทำให้เขาตัดสินใจพักงาน และใช้เวลาอยู่กับครอบครัวหนึ่งปี
สิ่งที่เขาได้เรียนรู้เกี่ยวกับการรักษาสมดุลระหว่างงานและเวลาส่วนตัวในปีนั้น คือเขาพบว่าการรักษาสมดุลระหว่างงานและชีวิตเป็นเรื่องที่ง่ายมาก โดย Marsh ใช้เวลา 7 ปี ในการศึกษาเรื่องการรักษาสมดุลระหว่างชีวิตและการงานอย่างจริงจัง จนได้ข้อสรุปในการรักษาสมดุลของชีวิต 4 ข้อ ดังนี้
1.บางงานและบางสายอาชีพ โดยพื้นฐานแล้วไม่เข้ากันกับการใช้ชีวิตโดยปกติของคนเรา
กล่าวคือ หลายๆ งานในโลกนี้ไม่ได้มีพื้นที่ให้กับเวลาส่วนตัวของพนักงาน ไม่มีที่ว่างให้กับครอบครัวของพนักงาน ดังนั้น ก้าวแรกในการแก้ไขปัญหาทุกอย่าง คือการยอมรับความจริงเกี่ยวกับสถานการณ์ที่เป็น และความจริงเกี่ยวกับสังคมที่เราอยู่ คือ มีคนเป็นพันๆ ที่ใช้ชีวิตที่สิ้นหวัง กรีดร้องอย่างเงียบๆ ในขณะที่พวกเขาก้มหน้าทำงานตลอดวัน กับงานที่พวกเขาเกลียดเข้าไส้ เพื่อที่จะได้มีเงินมาใช้ซื้อของที่ไม่ต้องการ เพื่อสร้างภาพพจน์กับคนที่ไม่ชอบ
2.เราต้องเผชิญหน้ากับความจริง
ที่ว่ารัฐบาล และบริษัทต่างๆ จะไม่แก้ปัญหางานการถูกคุกคามชีวิตส่วนตัวจากการทำงาน ดังนั้น เราควรจะหยุดมองออกไปข้างนอก เพื่อควบคุมและรับผิดชอบในการสร้างชีวิตที่เราต้องการ ถ้าเราไม่ออกแบบชีวิตของเราเอง ใครซักคนก็จะออกแบบให้แล้เราก็อาจจะไม่ชอบใจนักกับนิยามความสมดุลของเขา มันเป็นเรื่องสำคัญ
3.เราต้องระมัดระวังเกี่ยวกับระยะเวลาที่เราเลือกเพื่อตัดสินความสมดุลของเรา
ก่อนอื่น เราต้องยอมรับความจริงว่าเราไม่สามารถทำทุกสิ่งทุกอย่างได้ในวันเดียว เราต้องยืดเวลาออกไป ขึ้นอยู่กับสิ่งที่เราตัดสินว่าจะรักษาสมดุลให้กับชีวิต แต่เราต้องยืดมันออกโดยไม่ตกหลุมพรางที่ว่า "เราจะใช้ชีวิตเมื่อเราเกษียณ เมื่อลูกๆออกไปจากบ้านไปแล้ว เมื่อภรรยาขอหย่า, สุขภาพย่ำแย่ เมื่อไม่มีเพื่อน หรือความสนใจอื่นหลงเหลืออยู่" หนึ่งวันมันสั้นไป หลังจากเกษียณก็ยาวไป มันต้องมีทางสายกลาง
4.เราต้องเข้าหาสมดุล ด้วยวิธีการที่สมดุลในทุกๆ ด้านของชีวิต
ทั้งด้านร่างกาย ด้านสติปัญญา ด้านอารมณ์ ด้านสังคม และด้านจิตวิญญาณ และการจะสร้างความสมดุลเราต้องใส่ใจ กับทุกๆสิ่งที่กล่าวมาอย่างแท้จริง
ทั้งนี้ Marsh ยังได้กล่าวทิ้งท้ายไว้ว่า การเพิ่มความสมดุล ไม่ได้หมายถึงการเปลี่ยนแปลงอย่างมากในชีวิต ด้วยการลงทุนเล็กๆน้อยๆในที่ซึ่งเหมาะสม แต่เป็นการเปลี่ยนคุณภาพของความสัมพันธ์ และคุณภาพของชีวิตของคุณ และการปรับเปลี่ยนสมดุลชีวิตนั้น ยังสามารถเปลี่ยนสังคมได้ หากมีคนหลายๆคนปรับชีวิตตัวเอง เราสามารถเปลี่ยนคำนิยามทางสังคมของความสำเร็จ จาก “คนที่มีเงินมากที่สุดตอนตายเป็นผู้ชนะ” ไปเป็นคำนิยามที่สมดุลและลึกซึ้งยิ่งกว่า คือ “การดำเนินชีวิตที่มีคุณภาพ” รู้แบบนี้แล้ว คุณผู้อ่านที่รักขา อย่ารอช้า เรามาปรับสมดุลชีวิตเพื่อความสุขที่ยั่งยืนของเรากันดีกว่า
อ้างอิง :
https://www.ted.com/talks/nigel_marsh_how_to_make_work_life_balance_work/transcript?language=th
Comments