6 ข้อคิดจิตวิทยาในการใช้ชีวิตให้คุ้มค่าจากซีรีส์ Light Shop
ในบทความจิตวิทยานี้ จะขอนำท่านมาค้นหาความหมายของ “ชีวิต” ผ่าน 6 ข้อคิดจิตวิทยาในการใช้ชีวิตให้คุ้มค่าจากซีรีส์ Light Shop ซึ่งเป็นซีรีส์เกาหลีใต้ ที่มีบรรยากาศอึมครึม ลึกลับ สยองขวัญ แต่เมื่อตั้งใจดูตั้งแต่ Ep แรก จนจบ จะพบว่า Light Shop แฝงปรัชญาการใช้ชีวิตและการกล่าวถึงเรื่องของสังสารวัฎ หรือการเวียนว่ายตายเกิด ตามคติของศาสนาพุทธได้อย่างเป็นรูปธรรม เข้าถึงง่าย ซึ่งในบทความจิตวิทยานี้ ได้สรุปเป็นข้อคิดจิตวิทยาในการใช้ชีวิตให้คุ้มค่า ได้ 6 ข้อด้วยกัน ดังนี้ค่ะ
ยอมรับความผิดหวังได้เร็ว ก็ไปต่อได้เร็ว
แก่นสำคัญที่ Light Shop ต้องการจะสื่อกับคนดู ก็คือ การยึดติดอยู่กับ “ห่วง” ยิ่งห่วงนั้นใหญ่มากเท่าไร ก็ยิ่งผูกมัดรัดรึงไม่ให้วิญญาณหายไปไหน กลายเป็น “ผี” ที่ปล่อยวางไม่ได้ ต้องวนเวียนรอบตัวคนที่รัก วนเวียนอยู่ในสถานที่ที่คุ้นเคย จนกว่าจะทำใจยอมรับสถานะ “ผี” ของตนเองได้ และยอมปล่อยวางจึงจะจากไปสู่ภพภูมิอื่นได้ ในแก่นนี้นอกจากจะให้เราเกิดความรู้สึกปลงกับชีวิตที่ว่า “เมื่อเราตาย ทุกอย่างก็จบ” เพราะเราไม่สามารถสานต่อสิ่งที่เราทำค้างไว้อยู่ได้ ไม่สามารถแสดงความรัก หรือกล่าวความในใจกับคนสำคัญของเราได้ ยังช่วยให้เราตระหนักได้ว่าในตอนนี้ที่เรายังมีชีวิต ยังมีลมหายใจ ยังมีโอกาสที่จะทำสิ่งที่ตั้งใจให้สำเร็จ ยังมีโอกาสอยู่กับคนที่เรารัก โปรดใช้ชีวิตให้คุ้มค่านะคะ
พยายามทำเรื่องที่สำคัญ ก่อนเรื่องที่เร่งด่วน
ความยากหนึ่งในการใช้ชีวิต คือ การเรียงลำดับความสำคัญของสิ่งที่ต้องทำ เช่น หากเรามีงานเข้าในขณะที่เราใช้เวลาอยู่กับครอบครัว เราก็มักจะตัดสินใจยากว่าเราจะละเลยครอบครัวแล้วไปทำงาน หรือเราจะเทงานแล้วใช้ชีวิตกับครอบครัวต่อไปดี ซึ่งไม่ว่าจะเลือกทางใดก็ลำบากใจทั้งนั้น ซึ่งแน่นอนค่ะว่า ในหลาย ๆ ครั้ง เราตัดสินใจที่จะเลือกทำในเรื่องที่ “เร่งด่วน” มากกว่าเรื่อง “สำคัญ” เพราะเรื่องเร่งด่วนนั้นทำให้เราเกิดความรู้สึกกดดัน จึงมี Passion ในการลงมือทำให้มันจบ ดังนั้นจึงทำให้เรื่องสำคัญถูกละเลยไป เพราะเราคิดว่าเรื่องนั้นยังรอได้ แต่เราไม่รู้หรอกค่ะว่าวาระสุดท้ายของเราจะมาถึงตอนไหน ดังที่ตัวละครหลากหลายตัวใน Light Shop ที่เสียชีวิตไปแล้ว แต่ยังไม่รู้ตัว และยังคงวนเวียนพยายามทำเรื่อง “สำคัญ” ของตัวเองให้เสร็จ ทั้งที่ ๆ สุดท้ายแล้ว พวกเขาจะค้นพบว่า ไม่มีโอกาสได้ทำเรื่องสำคัญนั้นอีกแล้ว
ใช้เวลากับคนสำคัญให้มากที่สุด
ความตลกร้ายอบ่างหนึ่งของ Light Shop ก็คือ “ผี” หลายตนในเรื่องนี้มักจะวนเวียนอยู่รอบ ๆ คนที่พวกเขารัก ทั้ง ๆ ที่คนที่เขารักไม่สามารถรับรู้การมีอยู่ของเขาได้เลย หรือซ้ำร้ายหากคนที่เขารักรับรู้ว่าเขายังวนเวียนอยู่รอบ ๆ ก็จะเกิดความกลัวแบบสุดขีดขึ้นมา และผีหลาย ๆ ตน เมื่อตอนเป็นคนก็มักไม่ใส่ใจ หรือไม่มีเวลาที่จะใช้ร่วมกับคนที่รัก จนเมื่อเสียชีวิตไป ก็กลายเป็นจิตอาวรณ์ที่ห่วงหาคนที่รักไม่ยอมจากไปไหน ดังนั้นแล้ว ขอให้ใช้เวลาร่วมกับคนที่รักให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ หากอยู่ไกลกันก็ติดต่อหากันบ่อย ๆ ใช้คำพูดดี ๆ ต่อกัน แสดงความรัก ความห่วงหาต่อกัน และขอให้ปฏิบัติต่อผู้คนรอบข้างด้วยความคิดที่ว่า “หากฉันตาย เขาจะพูดถึงฉันอย่างไร” “หากฉันจากไป เขาจะมีความทรงจำอย่างไรต่อฉัน” และ “หากฉันตาย ผู้คนจะมีระลึกถึงฉันอย่างไร”
ระลึกเสมอว่า “ชีวิตมีวันหมดอายุ”
กัปตันแจ็ค สแปร์โรว์ แห่ง Pirates of The Caribbean กล่าวไว้ว่า “ชีวิตมีความหมายเพราะมันมีวันหมดอายุ” ซึ่งใน Light Shop เองก็เน้นย้ำในส่วนนี้อยู่ในทุก Ep ว่า ชีวิตมันสั้นเกินกว่าที่เราคาด และไม่มีวันหมดอายุบอกไว้ เราไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่จะถึงวันนั้น เพราะ “ผี” หลายตัวใน Light Shop ก็ยังเป็นเด็กนักเรียน อายุยังน้อย ซึ่งในจุดนี้ก็ได้สร้างความตระหนักให้เราต้องใช้ชีวิตอย่างมีสติ เพราะความตายไม่เลือกคน ไม่เลือกวัย สามารถมาหาเราได้ทุกเมื่อ ด้วยแนวคิดนี้เองจึงนำไปสู่แนวคิดจิตวิทยาแนวพุทธศาสนาที่ว่าด้วย “การเตรียมตัวตาย” เพื่อเตรียมความพร้อมในด้านต่าง ๆ เช่น ร่างกาย (ดูแลสุขภาพให้แข็งแรง) จิตใจ (ดูแลจิตใจให้ผ่องใส) สังคม (เมตตา ให้อภัย สร้างประโยชน์) การเงิน (การบริหารการเงิน และจัดการพินัยกรรม) เป็นต้น เพื่อให้เกิดการใช้ชีวิตอย่างมีคุณภาพ และปลด “ห่วง” ในจิตใจให้เหลือน้อยที่สุดก่อนวันสุดท้ายจะมาถึง
ความสุข อยู่ที่มุมมองในการใช้ชีวิต
Light Shop แสดงให้เราเห็นว่าตัวละครหลายตัว ยังห่วงหาอาลัยต่อชีวิตเดิม ๆ ทั้ง ๆ ที่เมื่อตอนมีชีวิตอยู่ ผู้คนเหล่านี้กลับไม่พึงพอใจต่อชีวิตที่ตัวเองมี ซึ่งเมื่อมองสะท้อนกลับมายังโลกความเป็นจริง พวกเราหลายคนก็ไม่พึงพอใจในชีวิตตนเอง ต้องการจะรวยกว่านี้ อยากมีชีวิตสบายกว่านี้ อยากจะสวยกว่านี้ แล้วเราก็ใช้ชีวิตด้วยความทุกข์ระทม ไม่พึงพอใจกับชีวิตที่มี จนเมื่อเราเสียชีวิตของเราไป เรากลับอาวรณ์ไม่อยากจากไป และคิดได้ว่า “มีชีวิตอยู่ก็ดีมากแล้ว” เพราะฉะนั้นแล้ว สุข - ทุกข์ อยู่ที่มุมมองที่มีต่อชีวิต หากพอใจกับชีวิตก็มีความสุข หากไม่พอใจอย่างไรก็เป็นทุกข์
อย่าหลงลืมเป้าหมายในการใช้ชีวิต
สิ่งหนึ่งใน Light Shop ที่เปรียบเสมือนตัวละครสำคัญ ก็คือหลอดไฟในร้าน Light Shop ที่เป็นตัวแทนของดวงจิต หรือจิตวิญญาณ ที่เหล่าวิญญาณที่ยังมีโอกาสกลับเข้าร่างต้องตามหาดวงจิตของตนให้เจอ จึงจะสามารถกลับไปใช้ชีวิตได้อีกครั้ง ซึ่งในจุดนี้ หลอดไฟ เปรียบได้กับ “เป้าหมายของชีวิต” หากเราค้นพบเป้าหมายในการใช้ชีวิต เราก็จะใช้ชีวิตแบบมีจุดมุ่งหมาย มี Passion มีไฟ ซึ่งจะช่วยให้เราใช้ชีวิตให้คุ้มค่า สร้างความสุขให้ตนเอง และยังสร้างคุณประโยชน์ให้แก่สังคม ต่อให้วันสุดท้ายมาถึง ความดีที่สร้างไว้ก็จะยังคงอยู่ไปยาวนาน
Light Shop เน้นย้ำให้ผู้ชมอย่างเราให้ความสำคัญกับการใช้ชีวิตให้คุ้มค่า เพราะชีวิตมั
“พฤษภกาสร อีกกุญชรอันปลดปลง
โททนต์เสน่งคง สำคัญหลายในกายมี
นรชาติวางวาย มลายสิ้นทั้งอินทรีย์
สถิตทั่วแต่ชั่วดี ประดับไว้ในโลกา”
(สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระปรมานุชิตชิโนรส : กฤษณาสอนน้องคำฉันท์)
iSTRONG Mental Health
ผู้ดูแลสุขภาพใจให้กับบุคคล ครอบครัว และองค์กร
บริการของเรา
สำหรับบุคคลทั่วไป
บริการปรึกษา จิตแพทย์และนักจิตวิทยา : http://bit.ly/3lmThUa
คอร์สฝึกอบรมทักษะด้านจิตวิทยา : http://bit.ly/3RQfQwS
สำหรับองค์กร
EAP โปรแกรมสำหรับองค์กร : http://bit.ly/3RLI8Z8
โทร. 02-0268949 หรือ Line : @istrong
บทความแนะนำ :
จันทมา ช่างสลัก บัณฑิตจิตวิทยาคลินิกจากรั้ว มช. และมหาบัณฑิตจาก NIDA ปัจจุบันเป็นคุณแม่ลูก 1 ผู้เป็นทาสแมว ที่มุ่งมั่นจะพัฒนาการเขียนบทความจิตวิทยาให้โดนใจผู้อ่าน และสร้างแรงกระเพื่อมทางสังคม ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในเชิงบวกบนโลกใบนี้