ป่วยอย่างไรให้ใจเป็นสุข
จริงดิ! นี่พี่ป่วยจริง ๆ เหรอ? เป็นคำถามที่ออยได้ยินบ่อยครั้งจากการคุยโทรศัพท์กับเพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ ที่ได้ร่วมงานแม้กระทั่งลูกค้าของบริษัทที่ต่างพากันประหลาดใจเมื่อรู้ว่าออยป่วยและกำลังพักรักษาตัว เพราะตลอด 2 ปีที่ผ่านมาน้ำเสียงของออยไม่เคยแสดงออกถึงความเศร้าและหมดหวัง ออยจะคิดเสมอว่าเราป่วยแค่ทางร่างกายแต่ความคิดและความสามารถของเรายังคงอยู่ เราสามารถแสดงออกได้หลายทางถึงแม้ร่างกายจะไม่พร้อม ดังนั้น จึงไม่มีเหตุผลที่เราจะต้องหยุดทำงานแล้วเอาเวลาทั้งหมดมาเศร้าหรือหมดหวังกับโรคที่เราต้องการจะต่อสู้ด้วย
โชคดีนะคะที่ออยมีบริษัทที่ร่วมกันทำกับเพื่อนๆ ทำให้ออยได้มีโอกาสทำงานในระหว่างที่พักรักษาตัว ถึงแม้รายได้อาจจะไม่ดีเท่ากับการได้ทำงานแบบเต็มกำลังของเรา แต่สิ่งที่ออยได้รับจากการช่วยงานเล็กๆน้อยๆผ่านโทรศัพท์ คือ “การเห็นคุณค่าของตัวเอง” เพราะสิ่งที่มักเกิดขึ้นหลังจากการป่วยของหลายๆคนคือ การขาดความมั่นใจ , ท้อแท้และยอมแพ้ในที่สุด ออยก็เริ่มต้นเหมือนหลายๆคนนะคะ เริ่มลังเลเรื่องการรักษา ความมั่นใจลดลงเมื่อเริ่มเดินไม่สะดวกและท้อมากในทุกๆเช้าเพราะการนอนตลอดทั้งคืนทำให้การขยับตัวตอนตื่นนอนเป็นเรื่องที่ทรมานมาก แต่สิ่งที่ออยไม่เคยคิดถึงเลยตลอดการพักรักษาตัวคือ “การยอมแพ้”
ความจริงที่ต้องเจอกันในทุกเช้าที่ตื่น คือ “ความเจ็บปวด” ซึ่งบางวันเจ็บมากจนต้องร้องไห้ออกมา แต่ทุกครั้งออยจะถามตัวเองเสมอว่า “การนั่งร้องไห้แบบนี้ มันทำให้ชีวิตเราเปลี่ยนไปไหม? ถ้าไม่ก็ลุกขึ้นไปใช้ชีวิตต่อ” และในบางวันขณะที่ร้องไห้น้ำตายังไม่ทันจะแห้ง น้องๆก็โทรเข้ามาคุยปรึกษาเรื่องงาน, ลูกค้าโทรมาถามเรื่องสินค้า, เพื่อนโทรตามให้ไปประชุมพร้อมขับรถมารับถึงบ้าน สิ่งเหล่านี้ทำให้ออยไม่ค่อยมีเวลาหมกมุ่นกับการป่วยเท่าที่ควรและส่งผลดีต่อสุขภาพจิตของออยมากๆ ต้องขอบคุณทุกคนที่ยังคงรักษาบรรยากาศการทำงานและเชื่อมั่นในความสามารถของออยเหมือนเดิม
หลายๆคนอาจจะคิดว่าคนป่วยควรจะหยุดพักและงดการทำงาน แต่ความคิดนี้อาจจะไม่ถูกต้องทั้งหมด ออยคิดว่าคนป่วยควรหยุดเครียดเรื่องป่วยมากกว่านะคะ การได้ทำงานหรือทำประโยชน์ให้คนอื่นบ้างตามที่สภาพร่างกายจะอำนวย มันทำให้คนป่วยได้มีเวลาสนใจกับเรื่องอื่นๆนอกเหนือจากการเจ็บป่วย และอีกเรื่องที่ไม่สนุกเลยสำหรับออย คือ การเล่าเรื่องการเจ็บป่วยที่เกิดขึ้นกับเราให้ทุกคนที่มาเยี่ยมฟัง เพราะการเล่าซ้ำๆ มันย้ำให้ออยนึกถึงแต่เรื่องของตัวเองมากเกินไปจนกลัวว่าบางครั้งจะมองข้ามบรรยากาศความรัก ความเป็นห่วงเป็นใยของคนรอบๆตัวไปด้วย ซึ่งออยได้เรียนรู้เรื่องนี้จากการอ่านหนังสือ“จงมีชีวิตที่เบิกบาน” ที่องค์ทะไลลามะกล่าวไว้ว่า“การคิดถึงแต่ตัวเองมากเกินไปเป็นที่มาของความทุกข์ ความใส่ใจที่เปี่ยมด้วยเมตตาต่อทุกข์สุขของผู้อื่น คือที่มาของความสุข” ออยอยากให้ทุกคนลองนำเอาคำกล่าวนี้มาคิดทบทวนและเอาไปปรับใช้ในหลายๆด้านของชีวิตประจำวันแล้วจะมีความสุขแบบไม่รู้ตัวเหมือนออยนะคะ
ไม่ว่าคุณ หรือ คนภายในครอบครัวของคุณกำลังป่วย สิ่งที่ช่วยในการรักษาได้ดีนอกเหนือจากยา ก็คือ “กำลังใจ” ในกรณีของออย การให้และได้รับกำลังใจจากคนรอบข้าง อาจจะไม่ได้แสดงออกมาเป็นคำพูด แต่สิ่งที่ออยรู้สึกและรับรู้ได้ คือ ทุกคนทำให้รู้สึกว่าเรายังคงเป็นออยคนเดิม ยังคงช่วยงานบริษัทได้ ยังคงสร้างรอยยิ้มให้กับครอบครัวได้ และยังทำได้อีกหลายๆอย่างนอกเหนือจากการนอนป่วยอยู่บ้านเฉยๆ คนป่วยอาจจะต้องการยารักษา การดูแลเอาใจใส่ และการช่วยเหลือเล็กน้อยๆ แต่ที่ขาดไม่ได้เลย คือ ความเชื่อมั่นและกำลังใจ ซึ่งออยเชื่อว่าทุกคนสามารถส่งต่อและส่งมอบสองสิ่งนี้ให้กับคนป่วยได้นะคะ เราควรสร้างบรรยากาศให้การเจ็บป่วยเป็นแค่ส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันแล้วใช้เวลาส่วนที่เหลือไปกับเรื่องอื่นที่มีความสุขและเป็นประโยชน์แก่ผู้อื่นและคนรอบตัวเราได้นะคะ
ขอทิ้งท้ายด้วยประโยคนี้นะคะ “ไม่มีสิ่งสวยงามใดที่เกิดขึ้นโดยไม่ผ่านความทุกข์มาก่อน” และอย่าลืมที่จะสังเกตระหว่างทางที่เราก้าวผ่านความทุกข์ ก็มีเรื่องราวที่น่าจดจำมากมายนะคะ
Comments