3 วิธีสร้างชีวิตคู่ให้สดใสและยืนยาว
ในช่วงนี้คุณผู้อ่านคงได้เห็นข่าวการเลิกลาของคนดังหลายๆ คู่ หรือได้เห็นข่าวการก่อเหตุความรุนแรงในครอบครัวที่เป็นผลมาจากความรักที่สวนทางกัน หรืออาจจะได้เห็นคู่รักใกล้ตัวที่เลิกลากันบ้าง ทะเลาะกันแบบที่เรียกว่าบ้านแตกบ้าง จนอาจทำให้สงสัยว่า จริงๆ แล้วการมีคู่ชีวิตมันเป็นเรื่องที่ดีหรือไม่?
ในวันนี้ผู้เขียนจึงได้ขอนำเนื้อหาในการบรรยายของคุณหมอ George Blair จิตแพทย์ชื่อดังชาวออสเตรเลีย ซึ่งได้กล่าวถึงแนวทางการสร้างความสุขในการใช้ชีวิตคู่ และวิธีการหลีกเลี่ยงการหย่าร้าง ซึ่งน่าสนใจและเป็นประโยชน์ทีเดียวค่ะ
คุณหมอ Blair ได้แสดงทัศนะว่า การเลือกแต่งงานเป็นการแบ่งปันชีวิตของเรากับคนที่เรารัก ซึ่งเป็นการตัดสินใจที่สำคัญที่สุดในชีวิต เพราะการแต่งงานหรือการตัดสินใจใช้ชีวิตคู่ เป็นการแสดง ความแน่วแน่ว่าตลอดชีวิตที่เหลือ เราจะใช้ร่วมกับคนที่เราเลือก แต่เมื่อเรามาดูอัตราการหย่าร้างพบว่า ในทุกประเทศทั่วโลกมีอัตราการหย่าร้างสูงเกือบ 50% ของจำนวนคู่แต่งงานเลยทีเดียว สำหรับประเทศไทยนั้น ผู้เขียนได้ลองค้นข้อมูลดู พบว่า มีอัตราการหย่าสูงถึง 39% เลยทีเดียว
ด้วยเหตุนี้คุณหมอ Blair จึงต้องการกระตุ้นให้ผู้คนตระหนักถึงนัยสำคัญของการหย่า และความสำคัญของการรักษาความสัมพันธ์ระหว่างคู่ชีวิต เพราะการหย่าร้างนั้นนอกจากจะส่งผลกระทบต่อจิตใจของคู่รักแล้ว ยังส่งผลต่อลูกของพ่อแม่ที่หย่าร้างกันด้วย ทั้งนี้ มีงานวิจัยทางสุขภาพจิตยืนยันว่าเด็กๆ ที่พ่อแม่หย่าร้างกันนั้นมักมีแนวโน้มเป็นโรคทางจิตเวชสูงกว่าเด็กทั่วไปถึง 35% โดยเฉพาะโรคซึมเศร้าและโรควิตกกังวล ดังนั้น คุณหมอ Blair จึงได้เสนอ 3 วิธีสร้างชีวิตคู่สดใส ห่างไกลการร้างรา มีรายละเอียด ดังนี้
วิธีที่ 1 ให้ความสำคัญกับการพูดคุยมากกว่าเรื่อง Sex
เชื่อหรือไม่ว่าการนอกใจของคู่รักไม่ได้มีสาเหตุมาจากเรื่อง Sex แต่มีสาเหตุมาจากการไม่พูดคุยกัน และไม่น่าเชื่อว่าคู่รักส่วนใหญ่ที่ยิ่งใช้ชีวิตมาด้วยกันนานเท่าไหร่ ยิ่งใส่ใจต่อการพูดคุยกันน้อยลงเท่านั้น ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ดีเลยค่ะ เพราะการไม่คุยกันจะยิ่งทำให้ความสัมพันธ์ห่างเหิน ทำให้เกิดความไม่เข้าใจต่อกันได้ง่าย คุณหมอ Blair ได้สัมภาษณ์ผู้ที่นอกใจคู่รัก โดย 100% ให้ข้อมูลตรงกันว่า ที่ไปมี Sex กับคนอื่นนั้นไม่ใช่เพราะคู่รักขาดเรื่อง Sex แต่เพราะคู่รักเฉยชา ไม่ใส่ใจ ไม่พูดคุยด้วยมากกว่า รู้แบบนี้แล้ว หาเวลาคุยกันอย่างใส่ใจให้มากขึ้นนะคะ
วิธีที่ 2 แบ่งปันพลังบวกให้แก่กัน
คุณหมอ Blair ได้อ้างถึงผลการศึกษาของ John Gottman นักจิตวิทยาชาวออสเตรเลีย ซึ่งได้ศึกษาเกี่ยวกับปัจจัยการรักษาชีวิตคู่ให้ยืนยาว ผลการศึกษาพบว่า คู่รักที่ใช้ชีวิตมาด้วยกันมากกว่า 30 ปี มีปัจจัยสำคัญในการใช้ชีวิตร่วมกันคือการแบ่งปันพลังบวก ได้แก่ การมองโลกในแง่ดี การคิดดี การมีน้ำใจ การใส่ใจกันและกัน โดยคู่รักที่อยู่ด้วยกันยืนยาวนั้นมักจะพูดคุย สื่อสาร และชวนกันทำกิจกรรมที่สร้างความสุขให้ชีวิต สร้างการเจริญเติบโตทางความคิด สร้างความงอกงามทางปัญญาให้แก่กัน
วิธีที่ 3 การให้อภัยซึ่งกันและกัน
ทุกความสัมพันธ์ย่อมมีการกระทบกระทั่งกันเป็นธรรมดา แล้วยิ่งเป็นคู่รักที่ต้องใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันอย่างใกล้ชิดและเป็นเวลานาน ย่อมเป็นธรรมดาที่จะสร้างความหงุดหงิด ความรู้สึกไม่ดี และบาดแผลทางใจให้แก่กัน จากการที่คุณหมอ Blair ได้สัมภาษณ์คู่ชีวิตที่ใช้ชีวิตมาด้วยกันมากกว่า 40 ปี พบว่า การที่จะใช้ชีวิตคู่ตราบจนลมหายใจสุดท้ายกันได้นั้น สิ่งที่ต้องให้แก่กัน คือ “ให้อภัย” เพราะยิ่งอยู่ด้วยกันนาน ยิ่งเห็นตัวตนของกันและกัน ซึ่งมีทั้งข้อที่รับได้และข้อที่รับไม่ได้ ดังนั้นการมองข้าม การให้อภัย การไม่ใส่ใจในเรื่องที่ไม่ควรใส่ใจก็เป็นเรื่องที่ดี ไม่เช่นนั้นแล้ว การที่เราคิดเล็กคิดน้อยจะยิ่งบั่นทอนให้ชีวิตคู่สั้นลง
วิธีทั้ง 3 ที่คุณหมอ Blair แนะนำมาข้างต้นไม่ยากเลยใช่ไหมคะ หากคุณผู้อ่านได้ลองนำมาปรับใช้กับตัวเองดู ผู้เขียนเชื่อแน่ว่าคุณผู้อ่านจะมีชีวิตคู่ที่ดีแน่นอน แต่สำหรับคนที่ยังไม่เจอคู่ การนำวิธีทั้ง 3 มาใช้ ผู้เขียนก็มองว่าน่าจะดีกับการรักษาสัมพันธภาพกับคนรอบข้างได้ดีทีเดียว แล้วมาพบกันใหม่ที่ https://www.istrong.co/blog นะคะ
อ้างอิง :
1. https://www.ted.com
2. ข้อมูลอัตราการหย่าจากสำนักงานสถิติแห่งชาติ
コメント