เทคนิคหยุดความทุกข์ที่นักจิตวิทยาแนะนำให้ทำ
Experience Life-Changing Magic With A Focused Gratitude Journal
“Cultivate the habit of being grateful for every good thing that comes to you, and to give thanks continuously. And because all things have contributed to your advancement, you should include all things in your gratitude”
- Ralph Waldo Emerson
“สั่งสมอุปนิสัยของความรู้สึกขอบคุณกับสิ่งดีๆ ต่างๆที่เข้ามาในชีวิตเรา และกล่าวขอบคุณมันอย่างต่อเนื่อง และเพราะทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นเป็นส่วนหนึ่งให้ชีวิตเราก้าวหน้าต่อไป ดังนั้นเราควรที่จะรวมทุกอย่างไว้ในความรู้สึกขอบคุณ”
แพรดูคลิปคลิปหนึ่งบน YouTube ชื่อ คลิปว่า “หยุดให้เหตุผลว่าทำไมเราจึงทุกข์ นับเหตุผลที่ทำให้เราสุขใจ...” ใจความคือ ให้เราโฟกัสไปในเรื่องดีๆ ที่เกิดขึ้นกับชีวิตเรา เลยทำให้แพรคิดถึงเรื่อง gratitude journal ขึ้นมา
เวลาที่ชีวิตเรากำลังเผชิญกับปัญหา เราโฟกัสกับมัน ครุ่นคิดกับมัน ทำให้ปัญหานั้น กลายเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่มากต่อชีวิตเรา เรามองข้ามสิ่งดีๆ อื่นๆ ในชีวิตเราไปจนหมด คำถามก็คือ เราจะทำยังไงให้มองเห็นถึงสิ่งดีๆ เหล่านั้น เมื่อใจเรากำลังย่ำแย่?
Gratitude journal เป็นเครื่องมือหนึ่งที่ได้รับการแนะนำเป็นอย่างมากในจิตวิทยาเชิงบวก และนักจิตวิทยาแนะนำให้เขียน Gratitude journal แบบโฟกัสแทนที่จะเขียนในเรื่องทั่วๆ ไป เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด ตัวอย่างเช่น ถ้าเราต้องการที่จะเชื่อมต่อกับผู้คนดีๆ สร้างความสัมพันธ์ดีๆ ให้เราเขียน ขอบคุณเรื่องราว เล็กๆ น้อยๆ ที่เกี่ยวกับความสัมพันธ์ อาจจะเป็นเรื่องเล็กๆ เช่น การที่มีคนยิ้มให้ มีคนกล่าวทักทาย และโอกาสในการได้พบผู้คนใหม่ๆ เป็นต้น และให้ทำอย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 30 วัน
หรือถ้าเราอยากโชคดีเรื่องการเงิน ให้เราเขียนขอบคุณเรื่องต่างๆ ที่เกี่ยวกับเงิน ตัวอย่างเช่น ขอบคุณที่ได้รับเงินจำนวนหนึ่งในวันนี้ หรือถ้าหากเราไม่ได้รับเงิน ให้เราเขียนขอบคุณที่เราได้มีเงินในการซื้ออาหาร สิ่งของเครื่องใช้ หรือแม้แต่ขอบคุณสิ่งต่างๆ ที่เรามีอยู่ ทุกวันนี้ที่อำนวยความสะดวกสบายให้เรา ยิ่งเรารู้สึกขอบคุณมากเท่าไรสิ่งดีๆ จะเข้ามาในชีวิตเรามากขึ้นเท่านั้น
มีงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ได้ทำการศึกษาข้อดี และผลลัพธ์ของการเขียน gratitude journal ออกมามากมาย Robert Emmons จากมหาวิทยาลัย California ได้กล่าวว่า “writing helps to organize thoughts, facilitate integration, and helps you accept your own experiences and put them in context. In essence, it allows you to see the meaning of events going on around you and create meaning in your own life” นั่นคือ การเขียนทำให้เราสามารถตกตะกอนความคิด ให้เรายอมรับและปรับตัวเข้ากับประสบการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับเรา ช่วยให้เราเห็นความหมายที่ซ่อนอยู่ภายใต้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น นั่นเอง
นอกจากนี้ Robert ยังได้เสนอ ทิป ในการเขียน gratitude journal ทุกวันดังต่อไปนี้
ให้ตั้งใจเขียน และใช้เวลากับการเขียน gratitude jornal เนื่องจาก จะทำให้เราได้เชื่อมต่อกับจิตวิญญาณภายในของตัวเราอย่างแท้จริง
เขียนอย่างลึกซึ้ง เราจะเป็นคนเดียวที่อ่านมัน ดังนั้น จงเขียนจากใจ อย่างที่เราคิด จริงใจกับสิ่งที่เขียน เปิดเผย และเป็นตัวของเราเองอย่างแท้จริง
ถ้าคุณนึกถึงเรื่องดีๆ ไม่ออก และรู้สึกว่ามันยากเหลือเกิน ให้ลองคิดถึงสิ่งที่มีอยู่ทุกวันนี้ ที่เราเคยชินกับมัน ถ้าวันหนึ่งเราจะไม่มีมันอีกแล้ว เราจะรู้สึกอย่างไร ให้เริ่มจากรู้สึกขอบคุณสิ่งเหล่านี้ในชีวิต
รู้จักตัวเอง รู้ความสามารถของตัวเอง หลังจากที่เขียน gratitude journal เป็นเวลา 30 วัน ก็ให้รู้สึกขอบคุณเป็นอุปนิสัย แทนที่จะรอเวลาตอนที่เขียน
จริงๆ แล้วการเขียน gratitude journal ดีมากๆ เลยนะคะ ตัวแพรเองก็เขียนอยู่ มันทำให้เราได้นั่งนึกถึงเรื่องดีๆ เล็กๆ น้อยๆ ที่เรามองข้ามไปแต่ละวัน ปลุกเราว่าจริงๆ แล้วชีวิตเรายังมีอีกหลายด้านที่ดี อาจจะมีเรื่องแย่ๆ เกิดขึ้นบ้างในชีวิต แต่นั่นไม่ใช่ทั้งหมดของชีวิต และหากเราตีความมันในแง่ที่มันกำลังสอนอะไรเราบางอย่าง เพื่อให้เราเติบโตขึ้น ไม่ว่าเรื่องอะไรที่เกิดขึ้นกับเรา สิ่งนั้นดีเสมอนะคะ
เพราะทุกก้าวของชีวิตคือจิตวิทยา
iStrong บริการให้คำปรึกษาโดยนักจิตวิทยาที่มีใบรับรอง สามารถเลือกคุยทางโทรศัพท์หรือคุยแบบพบหน้า
Contact : https://www.istrong.co/service
Opmerkingen