เข้าใจ Gen Z ด้วย Empathy: การใช้ทักษะการให้คำปรึกษาเพื่อลดช่องว่างระหว่างวัยสำหรับหัวหน้างาน
ช่วงนี้ไปทางไหนก็มักจะเห็นหลายคนบ่นเรื่องการทำงานกับคน Gen Z กัน ทำให้หลาย ๆ ที่ไม่ค่อยอยากรับเด็ก ๆ เข้าทำงานซักเท่าไหร่ แต่ในความเป็นจริง องค์กรเองก็ต้องการพลังสร้างสรรค์และ mindset ใหม่ ๆ รวมถึงพลังงานที่ล้นเหลือจากคนรุ่นใหม่เหล่านี้ เนื่องจากพวกเขาคืออนาคต
Gen Z ไม่ใช่กลุ่มคนมีปัญหา แต่เกิดจากมุมมองที่ต่างยุคสมัยและการให้คุณค่ากับเรื่องที่แตกต่างกัน พวกเขาเข้ามาพร้อมความคาดหวังสูงต่อวัฒนธรรมในที่ทำงาน ใส่ใจเรื่องความสบายใจและสุขภาพใจ ความยุติธรรม ความเท่าเทียม และการทำงานที่มีความหมาย
อย่างไรก็ตาม การสร้างความผูกพันกับคนกลุ่มนี้อย่างมีประสิทธิภาพต้องใช้ความจริงใจ mindset ที่เปิดกว้างของหัวหน้างาน การทำความเข้าใจแรงจูงใจและความต้องการของพวกเขา ผู้จัดการที่นำทักษะการให้คำปรึกษาและ Empathy (ความเห็นอกเห็นใจ) มาใช้ จะสามารถสร้างความไว้วางใจ แรงบันดาลใจ และสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ทำให้พนักงาน Gen Z รู้สึกมีคุณค่าและมีส่วนร่วม สุดท้ายพวกเขาก็จะส่งมอบคุณค่าออกมา
สร้างจุดเริ่มต้นที่ดีกับ Gen Z ด้วย Empathy
Gen Z เติบโตมาในโลกที่เรื่องสุขภาพจิต ความรับผิดชอบต่อสังคม และความจริงใจถูกพูดถึงอย่างเปิดเผย และพวกเขาคาดหวังความโปร่งใสแบบเดียวกันนี้จากที่ทำงาน หัวหน้างานหรือผู้จัดการที่ใช้ทักษะการให้คำปรึกษา โดยเฉพาะการฟังอย่างตั้งใจ การตั้งคำถามปลายเปิด ไม่ด่วนตัดสิน และเปิดกว้าง จะสามารถสร้างความสัมพันธ์กับพนักงาน Gen Z ได้ดี ทักษะเหล่านี้ช่วยให้ผู้จัดการเข้าใจความท้าทายเฉพาะที่ Gen Z เผชิญ เช่น การปรับตัวในโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและสภาพแวดล้อมที่มีความเครียดสูง และตอบสนองในแบบที่ยอมรับและเข้าใจประสบการณ์ของพวกเขา
ทักษะการให้คำปรึกษาที่ใช้สร้างความไว้วางใจกับ Gen Z
1. การฟังอย่างเข้าใจเพื่อสร้างความสัมพันธ์และความไว้วางใจ
ทักษะการให้คำปรึกษาที่ใช้: การฟังอย่างเข้าใจเป็นพื้นฐานของการให้คำปรึกษา รวมถึงการให้ความใส่ใจและแสดงความสนใจฟังอย่างจริงใจ สำหรับผู้จัดการ นี่หมายถึงการมีส่วนร่วมอย่างเต็มที่กับสิ่งที่พนักงาน Gen Z แบ่งปัน และแสดงว่าคุณเคารพความคิดของพวกเขา
วิธีการนำไปใช้: กำจัดสิ่งรบกวนเวลาพูดคุยกัน และตั้งใจฟังเมื่อพูดคุยกับพนักงาน Gen Z สะท้อนความคิดของพวกเขาเพื่อแสดงว่าคุณเข้าใจ เช่น "ฟังดูแล้วน้องให้ความสำคัญกับเรื่อง Work-life balance มาก เรามาคุยกันว่าเราจะทำให้ win-win กันได้อย่างไร"
2. การใช้คำถามปลายเปิดเพื่อส่งเสริมการแลกเปลี่ยน
ทักษะการให้คำปรึกษาที่ใช้: คำถามปลายเปิดช่วยให้พนักงานแสดงความคิดได้อย่างเต็มที่ ซึ่งสอดคล้องกับความต้องการแสดงออกของ Gen Z และสถานที่ทำงานที่ให้คุณค่ากับเสียงของพวกเขา
วิธีการนำไปใช้: แทนที่จะถามคำถามปลายปิดที่ตอบได้แค่ใช่หรือไม่ ให้ลองใช้คำถามปลายเปิด เช่น "น้องชอบอะไรที่สุดในโปรเจคนี้?" หรือ "น้องคิดว่าในสถานการณ์นี้เราจะแก้ปัญหายังไงได้บ้าง?" เทคนิคนี้ช่วยให้พนักงาน Gen Z รู้สึกว่าได้รับการยอมรับและเห็นคุณค่าในการมีส่วนร่วม
3. การยอมรับความรู้สึกและการสนับสนุนความรู้สึก
ทักษะการให้คำปรึกษาที่ใช้: การยอมรับความรู้สึกคือการรับรู้อารมณ์ของใครบางคนโดยไม่ตัดสิน Gen Z ให้ความสำคัญกับความตระหนักด้านจิตใจ อารมณ์ และสุขภาพจิต ดังนั้นการยอมรับประสบการณ์ของพวกเขาจึงช่วยเสริมสร้างวัฒนธรรมการทำงานที่สนับสนุนและยอมรับความหลากหลาย
วิธีการนำไปใช้: ใช้ประโยคเช่น "พี่รับรู้ได้ว่าน้องรู้สึกเหนื่อยที่งานเยอะมากช่วงนี้ ซึ่งเป็นเรื่องที่เข้าใจได้" เพื่อแสดงว่าคุณรับรู้และเคารพความรู้สึกของพวกเขา แม้ว่าคุณอาจจะไม่เห็นด้วยทั้งหมด วิธีนี้ช่วยสร้างพื้นที่ปลอดภัยที่พนักงาน Gen Z รู้สึกสบายใจที่จะบอกเล่าถึงปัญหาและความกังวล
คุณค่าของการให้คำปรึกษาในการทำงานร่วมกับ Gen Z
1. การเอาชนะอุปสรรคในการสื่อสาร
Gen Z ชอบการสื่อสารที่ตรงไปตรงมาและเปิดเผย ทักษะการให้คำปรึกษาเช่นความเห็นอกเห็นใจ การฟัง และการสะท้อนความรู้สึกช่วยให้ผู้จัดการสร้างการสนทนาเหล่านี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทำลายกำแพงลำดับชั้น และสร้างวัฒนธรรมแห่งความโปร่งใส
2. การจัดการความคาดหวังสูงเกี่ยวกับจุดประสงค์และผลกระทบ
Gen Z ขับเคลื่อนด้วยภารกิจ มักมองหาบทบาทที่พวกเขาสามารถสร้าง Impact (ผลกระทบ) ที่จับต้องได้ การใช้เทคนิคการให้คำปรึกษาเช่นการสอบถามและการมองมุมใหม่ ช่วยให้ผู้จัดการเชื่อมโยงค่านิยมส่วนตัวของพนักงานกับเป้าหมายขององค์กร สร้างความรู้สึกมีจุดมุ่งหมาย
3. การสนับสนุนสุขภาพจิตและความเป็นอยู่ที่ดี
ทักษะการให้คำปรึกษาช่วยให้ผู้จัดการสังเกตสัญญาณเริ่มต้นของความเครียดและภาวะหมดไฟ ซึ่งพนักงาน Gen Z อาจประสบเนื่องจากความต้องการสูงและความปรารถนาแรงกล้าที่จะประสบความสำเร็จ ผู้จัดการที่มีความเห็นอกเห็นใจสามารถช่วยเหลือได้ เช่น การเสนอตัวเลือกการทำงานที่ยืดหยุ่นหรือสนับสนุนทรัพยากรเช่นโปรแกรมช่วยเหลือพนักงาน (EAPs) หรือแม้กระทั่งการคุยแบบ one-on-one
How-to สำหรับผู้จัดการหรือหัวหน้างาน
1. สร้างวัฒนธรรมการให้ฟีดแบ็กอย่างต่อเนื่อง
Gen Z ให้คุณค่ากับการได้รับฟีดแบ็กบ่อยๆ และโอกาสในการเติบโต ทักษะการให้คำปรึกษาเช่นการสื่อสารแบบเปิดและการฟังอย่างเข้าใจช่วยให้มั่นใจว่าฟีดแบ็กนั้นสร้างสรรค์ ให้เกียรติ และมุ่งให้เกิดการเติบโต
2. ยอมรับและเห็นคุณค่าของความเป็นเอกลักษณ์
ทักษะการให้คำปรึกษาช่วยให้ผู้จัดการเข้าใจและเห็นคุณค่ามุมมองที่เฉพาะตัวของพนักงานแต่ละคน ทำให้ Gen Z รู้สึกมีคุณค่าในฐานะปัจเจกบุคคล สิ่งนี้สามารถทำได้โดยการพูดคุยแบบตัวต่อตัวเป็นประจำ และการยอมรับตามจุดแข็งและการมีส่วนร่วมของแต่ละคน
3. สร้างความปลอดภัยทางใจผ่านภาวะผู้นำที่มีความเห็นอกเห็นใจ
การใช้ทักษะการให้คำปรึกษาเพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยทางอารมณ์ส่งเสริมให้ Gen Z แบ่งปันความคิดและฟีดแบ็กโดยปราศจากความกลัวการถูกตัดสิน การใช้วิธีการที่เห็นอกเห็นใจยังช่วยสร้างวัฒนธรรมที่มองว่าความเปราะบางคือจุดแข็ง ซึ่งเสริมสร้างความเปิดเผยและความจริงใจ
องค์กรหลีกเลี่ยงการทำงานร่วมกับคน Gen Z ไมได้ หัวหน้างานเองก็ต้องสามารถนำผู้คนที่หลากหลายได้ทุกเพศทุกวัย การพัฒนาทักษะการให้คำปรึกษา (Counseling Skills) ช่วยให้ผู้จัดการสามารถสร้างความไว้วางใจกับคนรุ่นใหม่ได้ดีขึ้น สร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่เห็นคุณค่าและสนับสนุนมุมมองและความต้องการที่เป็นเอกลักษณ์ของพวกเขา ผ่านความเห็นอกเห็นใจ การสื่อสารแบบเปิดรับ และการยอมรับความรู้สึก
หัวหน้างานไม่เพียงแต่สามารถสร้าง Engagement กับ Gen Z ได้ แต่ยังสามารถส่งเสริมวัฒนธรรมแห่งความไว้วางใจ ความคิดสร้างสรรค์ และความยืดหยุ่น เพื่อใช้พลังสร้างสรรค์จากคน Gen Z รวมถึงดึงคุณค่าออกมาจากคนได้ทุก Gen
สำหรับผู้จัดการหรือหัวหน้างานที่ต้องการพัฒนาทักษะนี้ คุณสามารถเข้าร่วมหลักสูตรประกาศนียบัตรการให้คำปรึกษา ของ iSTRONG ซึ่งดูรายละเอียดได้จากที่นี่ >>
iSTRONG Mental Health
ผู้ดูแลสุขภาพใจให้กับบุคคล ครอบครัว และองค์กร
บริการของเรา
สำหรับบุคคลทั่วไป
บริการปรึกษา จิตแพทย์และนักจิตวิทยา : http://bit.ly/3lmThUa
คอร์สฝึกอบรมทักษะด้านจิตวิทยา : http://bit.ly/3RQfQwS
สำหรับองค์กร
EAP โปรแกรมสำหรับองค์กร : http://bit.ly/3RLI8Z8
โทร. 02-0268949 หรือ Line : @istrong
コメント