top of page
GDN 980 x 120 psychiatrist.jpg

6 เทคนิคจิตวิทยา Friendly ผ่านภาษากายอย่างไร ไม่ให้ใครเขาคิดไปเอง



ปัญหาสากลของคนทุกวัย คือ เมื่อคนที่เรามีใจแสดงออกทางภาษากายด้วยความ Friendly หรือแสดงความอัธยาศัยดีต่อเรา แล้วเรามักจะคิดว่า “เขามีใจ” แต่แท้จริงแล้ว เป็น “เราคิดไปเอง” เพราะเมื่อมองในมุมกลับกัน ในตอนที่เราไม่ได้คิดอะไร ไปกดหัวใจ (Love) กดไลก์สตอรี่ให้เพื่อนใน Facebook ก็ถูกเข้าใจผิดว่าเรามีใจให้เขาเช่นกัน จึงเป็นปัญหาใหญ่ว่า แล้วจะต้องแสดงออกอย่างไรให้ดูเป็นมิตร แต่ไม่ให้เขาคิดไปเอง ซึ่งในบทความจิตวิทยานี้ได้หาคำตอบมาให้เรียบร้อยแล้วค่ะ


ก่อนอื่นมาดูงานวิจัยทางจิตวิทยากันก่อนนะคะ ว่าเข้าพูดถึงเรื่อง “การคิดไปเอง” หรือ “มโน” เอาไว้ว่าอย่างไร งานวิจัยจากวารสารจิตวิทยา (Psychological Science) พบว่า เพศชายมีแนวโน้ม “คิดไปเอง” มากกว่าเพศหญิง อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ โดยเป็นผลมาจากการตีความ “ภาษากาย” ของฝ่ายตรงข้ามเข้าข้างตนเอง เช่น เขายิ้มให้เท่ากับเขามีใจ เขามากดไลก์แสดงว่าเขาสนใจชีวิตเรา เขาทักทายเราทุกเช้าเพราะเขาแอบชอบ เป็นต้น นอกจากนี้แล้วงานวิจัยยังพบเรื่องที่น่าสนใจอีกว่า เพศหญิงกลับตีความ “ภาษากาย” หรือประเมินความรู้สึกของฝ่ายตรงข้ามที่แสดงออกผ่านภาษากาย “ต่ำ” กว่าความรู้สึกที่แท้จริง เช่น เขามารับมาส่งทุกวัน แต่เราดันตีความว่าเขามีน้ำใจ หรือเขาชวนไปไหนมาไหนด้วย กลับตีความว่าเขาขี้เหงาเลยชวนเราไปเป็นเพื่อน เป็นต้น ซึ่งผลการวิจัยทางจิตวิทยาข้างต้นก็ไปสอดคล้องสัมพันธ์กับผลการศึกษาจากมหาวิทยาลัยสเตอร์ลิง (The University of Stirling) ที่ได้ทำการศึกษาในกลุ่มคนจำนวน 1,226 คน โดยเป็นเพศชาย 586 คน (47.80%) และเพศหญิง 640 คน (52.20%) ซึ่งในการศึกษาได้มีการทดลองให้หญิง – ชาย จับคู่พูดคุยกันในระยะเวลาสั้น ๆ ประมาณ 4 นาที ผลการทดลอง พบว่า เพศชายมักจะประเมินความรู้สึกของอีกฝ่ายหนึ่งผิดไปจากความเป็นจริงอย่างมาก โดยทีมผู้วิจัยซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญทางจิตวิทยาความสัมพันธ์ให้เหตุผลว่า ที่เพศชายมีแนวโน้มตีความภาษากายไปเกินจริง หรือ “คิดไปเอง” เก่ง เป็นเพราะการวิวัฒนาการทางเพศของชายและหญิงแตกต่างกัน จึงส่งผลให้เพศชายมีความอ่อนไหวต่อภาษากายมากกว่าเพศหญิง และยังมีงานวิจัยทางจิตวิทยาที่พบว่า ผู้ที่ตีความภาษากายเกินไปจากความเป็นจริงมากเท่าไร ยิ่งมีแนวโน้มจะมีความสัมพันธ์ระยะสั้นมากเท่านั้น 


โดยผู้เชี่ยวชาญทางจิตวิทยา ได้มีข้อแนะนำเกี่ยวกับเทคนิคการรักษามิตรภาพเอาไว้ได้โดยที่ฝ่ายตรงข้ามไปคิดไปเองว่าเรามีใจ ดังนี้ค่ะ

  1. ักษาระยะห่างเอาไว้ ตามทฤษฎี Triangular Theory of Love หรือ ทฤษฎีสามเหลี่ยมแห่งความรัก ของ Robert Sternberg กล่าวไว้ว่า คนเราจะรักกันได้ต้องมี 3 องค์ประกอบหลัก ได้แก่ (1) ความสนิทสนม (Intimacy) (2) ความหลงใหล (Passion) และ (3) ความผูกพัน (Commitment) ซึ่งทั้งสามองค์ประกอบเกิดมาจากความใกล้ชิด ดังนั้นเพื่อตัดไฟแต่ต้นลม เราต้องรักษาระยะห่างระหว่างบุคคล ไม่ใกล้ชิดเกินไป ไม่อยู่ด้วยกันบ่อยจนเกินไป เพื่อป้องกันการคิดไปเองค่ะ

  2.  ใช้คำพูดให้ชัดเจนว่าคุยแบบเพื่อน คุยแบบหัวหน้า-ลูกน้อง คุยแบบพี่–น้อง นอกจากภาษากายจะสำคัญต่อการสร้างความสัมพันธ์ หรือการพัฒนาความสัมพันธ์แล้ว การใช้วจนภาษา หรือการใช้ภาษาเพื่อสื่อสารเองก็สำคัญเช่นกัน ดังนั้นหากไม่ต้องการให้เกิดความเข้าใจผิด จนผิดใจกัน ซึ่งอาจนำไปสู่การเสียเพื่อน เสียคนรู้จักในอนาคต เราเองก็ต้องชัดเจนว่าเรา “คุย” กับเขาในสถานะไหน เช่น ไม่หยอดคำหวาน ไม่ใช่คำน่ารักที่คนรักนิยมใช้ เช่น แทนอีกฝ่ายว่า “ตัวเอง” แล้วแทนตัวเองว่า “เค้า” หรือใช้คำว่า “น่ารัก” บ่อยมาก จนอีกฝ่ายเข้าใจผิด เป็นต้น

  3. ย่าไปไหนมาไหนด้วยกันตามลำพังบ่อย ๆ เคยมีให้เห็นบ่อยครั้งที่เพื่อนร่วมงานออกไปลงพื้นที่ หรือทำงานต่างจังหวัดด้วยกันบ่อย ๆ สุดท้ายกลายเป็นโลกอีกใบของกันและกัน ทำให้ครอบครัว หรือคนรักเดิมต้องร้าวฉาน และปวดใจ เพราะฉะนั้นเพื่อป้องกัน “รักแท้แพ้ใกล้ชิด” เราจึงไม่ควรไปไหนมาไหนตามลำพัง กับคนที่เราสนิทในสถานะเพื่อน เพื่อนร่วมงาน หรือสถานะอื่น ๆ ที่ไม่ใช่คนรัก เพราะเมื่อใกล้ชิดกันมากเท่าไร ความสนิทจะทำให้ความรู้สึกเราเปลี่ยนไป แต่ถ้าความรู้สึกนั้นไม่ใช่ของจริง เป็นเพียงอารมณ์ชั่ววูบ ก็จะสร้างบาดแผลใจให้กันเสียเปล่า ๆ ค่ะ 

  4. ม่รักก็อย่าให้ความหวัง ลักษณะที่เรียกว่าให้ความหวัง ก็คือ ชอบส่งคำหวานพร่ำเพรื่อกับคนอื่น เช่น ส่งคำว่าคิดถึงให้ทุกวัน บอกว่าเป็นห่วง ส่งข้อความให้กำลังใจ แต่พออีกฝ่ายกำลังจะคิดไปไกลก็มาเบรกหัวทิ่มว่า “ไม่ได้คิดอะไร”  ซึ่งพฤติกรรมเช่นนี้ไม่ได้เรียกอัธยาศัยดีค่ะ แต่เรียกว่า “คนใจร้าย” เพราะไปสร้างความหวังให้คนอื่นมารัก แล้วทำลายความรู้สึกเขาแบบไม่ใยดี เพราะฉะนั้นแล้ว อย่าทำร้ายจิตใจใครด้วยการให้ความหวังเลยนะคะ

  5. ุยเป็นเวลา หมายความว่า ถ้าเป็นเพื่อนร่วมงานก็คุยในเวลางานเป็นหลัก ยกเว้นมีงานด่วน หรืองานนอกเวลา ก็สามารถทักไปคุยด้วยได้ แต่อย่าได้ทักไปตลอดเวลา ไม่เว้นแม้วันหยุด หรือนอกเวลา เพราะถ้าเริ่มคุยไม่เป็นเวลา ความสัมพันธ์ก็สามารถเป็นไปได้ 2 อย่าง คือ ถ้าอีกฝ่ายไม่รำคาญเราไปเลย ก็มีความรู้สึกเกินเพื่อนร่วมงานเกิดขึ้น และถ้าหากเราไม่ได้รู้สึกเกินเลยกับเขา จะกลายเป็นเราที่ลำบากค่ะ

  6. ู้สึกอย่างไร บอกให้ชัดเจน วิธีป้องกันการคิดไปเองที่ดีที่สุด ก็คือพูดให้ชัดเจน หรือแสดงออกให้ชัดเจนไปเลยว่ารู้สึกแบบเพื่อน แบบพี่น้อง หรือสถานะอื่น ๆ ที่ไม่ใช่คนรัก การวางตัวให้ชัดเจน นอกจากจะไม่เกิดปัญหาเรื่องความสัมพันธ์ตามมาแล้ว ยังแสดงออกถึงความจริงใจของเราที่มีต่อผู้อื่นด้วยค่ะ


เพราะเรื่องความรัก ความสัมพันธ์เป็นเรื่องเข้าใจยาก ดังนั้นการใช้ภาษากาย รวมถึงวจนภาษา และอวจนภาษาอื่น ๆ ในการแสดงความรู้สึกจึงสำคัญ เพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่มั่นคง จริงใจ และยืนยาวต่อไปนะคะ 


และหากคุณต้องการพัฒนาตนเองให้กลายเป็นที่ปรึกษาที่เข้าอกเข้าใจตนเองและผู้คนมากขึ้น เพื่อปรับใช้ในการทำงาน ครอบครัว และในชีวิตประจำวัน คุณสามารถสมัครเรียน "หลักสูตรนักให้คำปรึกษากับนักจิตวิทยา" จาก iSTRONG ได้ที่นี่



 

iSTRONG Mental Health

ผู้ดูแลสุขภาพใจให้กับบุคคล ครอบครัว และองค์กร


บริการของเรา

สำหรับบุคคลทั่วไป

  • บริการปรึกษา จิตแพทย์และนักจิตวิทยา : http://bit.ly/3lmThUa  

  • คอร์สฝึกอบรมทักษะด้านจิตวิทยา : http://bit.ly/3RQfQwS 

สำหรับองค์กร

โทร. 02-0268949 หรือ Line : @istrong


 


อ้างอิง : BrandThink. (2567, 1 มกราคม). #เฟรนด์ลี่ไม่เท่ากับมีใจ. [ออนไลน์]. สืบค้นเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2567 จาก https://www.facebook.com/brandthink.me/posts/pfbid0PxLdGHNn3uXYZ89DxgmheBoAkuYt9eJ3FgZLmsJJUAq2k4iHvUsFe28W5JVxKTyQl?_trms=eac4cecfd9d7592a.1707713074826


 

จันทมา  ช่างสลัก บัณฑิตจากรั้ว มช. และมหาบัณฑิตจาก NIDA ปัจจุบันเป็นคุณแม่ลูก 1 ผู้เป็นทาสแมว ที่มุ่งมั่นจะพัฒนาการเขียนบทความจิตวิทยาให้โดนใจผู้อ่าน และสร้างแรงกระเพื่อมทางสังคม ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในเชิงบวกบนโลกใบนี้ 


Comments


facebook album post - square (1).png
1.พวกหลีกเลี่ยงความผูกพัน (2).png
บทความล่าสุด
bottom of page