top of page
GDN 980 x 120 psychiatrist.jpg

ทำไมบางคนถึงไม่รู้สึกดีในเวลาที่เห็นคนอื่นประสบความสำเร็จ


อารมณ์หนึ่งที่มักเกิดขึ้นเป็นปกติกับมนุษย์ทุกคนก็คืออารมณ์ “อิจฉา” แต่จะมีมากหรือน้อยรวมถึงเจ้าตัวจะยอมรับอย่างเปิดเผยหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล ซึ่งในบางคนอาจจะไปถึงขั้นที่เวลาเห็นเพื่อนร่วมงานได้เลื่อนตำแหน่ง เพื่อนคนหนึ่งประสบความสำเร็จ มีบ้านหลังใหญ่กว่า หรือสามารถหาเงินได้มากกว่า แทนที่จะรู้สึกดีใจไปด้วยแต่มันดันกลับกลายเป็นว่าเรื่องราวเหล่านั้นนำมาซึ่งความรู้สึกหดหู่ ไม่พอใจ หรือแม้กระทั่งอยากจะเห็นคนที่ประสบความสำเร็จเหล่านั้นล้มเหลว แต่ในขณะเดียวกัน พวกเรามักจะถูกสอนมาว่าการอิจฉาคนอื่นมันเป็นสิ่งที่ไม่ดีจึงทำให้เวลาที่รู้สึกอิจฉาก็จะรู้สึกไม่ชอบตัวเองขึ้นมาและเป็นการยากที่จะยอมรับว่าตัวเองกำลังอิจฉาคนอื่นอยู่ 


ทำความรู้จักกับ “Envious Mind” ความคิดที่นำพาไปสู่ความรู้สึกอิจฉา

- คน ๆ นั้นไม่สมควรที่จะได้รับมัน 

- พวกเขาคงจะคิดว่าตัวเองเหนือกว่าฉัน(สินะ)

- พวกเขาเหนือกว่าฉัน

- ฉันทนไม่ได้ที่จะต้องอยู่ใกล้กับพวกเขา 

- ฉันหวังว่าพวกเขาจะล้มเหลว

และนอกจากความคิดที่มีต่อคนอื่นอย่างที่ยกตัวอย่างไปข้างบนแล้ว มันก็ยังมีความคิดที่ย้อนกลับมาทำร้ายตัวเองอีกด้วย เช่น

- ความสำเร็จของคนอื่นมันทำให้ฉันรู้สึกด้อย

- ฉันมักจะรั้งท้ายคนอื่นเสมอเลย

- คนอื่นก็คงจะมองว่าฉันมันเป็นคนขี้แพ้

- ที่จริงแล้วฉันก็ควรที่จะได้มันเหมือนกัน (แต่ฉันไม่ได้)


พฤติกรรมอะไรบ้างที่สะท้อนว่ามีความอิจฉาเกิดขึ้น?

- ปฏิเสธที่จะร่วมเฉลิมฉลองความสำเร็จของคนอื่น

- รับรู้ได้ว่าตัวเองไม่มีความสุขเวลาที่อยู่ใกล้กับคนที่ประสบความสำเร็จ

- พบว่าตัวเองดีใจเวลาที่เห็นคนอื่นพ่ายแพ้หรือล้มเหลว

- ชอบจับผิดหรือตัดสินคนอื่นในทางลบ

- ชอบลดทอนหรือด้อยค่าความสำเร็จของคนอื่น

- รู้สึกแย่เวลาที่ได้ยินคนอื่นได้รับคำชม

- แสร้งทำเป็นชมคนอื่นแบบปลอม ๆ

- ปล่อยข่าวลือหรือให้ข้อมูลเท็จเกี่ยวกับคนอื่น

- พยายาม ‘ก๊อบ’ ตัวตนหรือทำตัวแข่งกับคนที่ตัวเองกำลังรู้สึกอิจฉา


แม้ว่าอารมณ์อิจฉามันจะเป็นอารมณ์ของมนุษย์ทั่วไป แต่ถ้าหากมีมากจนเกินไปมันก็อาจจะย้อนกลับมากัดกินใจตัวเองได้ หากคุณเป็นคนหนึ่งที่ไม่อยากถูกความอิจฉากัดกินตัวเองก็สามารถฝึกฝนตัวเองเพื่อให้คนที่มีความอิจฉาคนอื่นน้อยลงได้ ดังนี้

ท้าทายความคิดอัตโนมัติทางลบของตัวเอง โดยเริ่มจากการนำเอาหมวดหมู่ของความคิดที่ไม่สมเหตุสมผลมาเป็นหลักในการสำรวจตัวเองว่ามีความคิดอัตโนมัติทางลบที่เข้ากับหมวดหมู่นั้น เพื่อที่จะได้เอาความคิดแบบอื่นมาท้าทายความคิดเดิม เช่น

- คิดแทนคนอื่น (Mind Reading) เช่น “คนอื่นต้องคิดว่าฉันเป็นคนขี้แพ้แน่ ๆ” ความคิดทางเลือก “จริง ๆ แล้วคนอื่นก็อาจจะสนใจแต่เรื่องของตัวเองซึ่งไม่ได้เกี่ยวอะไรกับฉันเลย”

- ลดคุณค่าสิ่งที่ดี (Discounting Positive) เช่น “ความสำเร็จของเขามันหมายความว่าสิ่งที่ฉันทำมันไม่มีค่าอะไรเลย” ความคิดทางเลือก “ชีวิตไม่ได้เป็น zero-sum game ที่มีคนแพ้คนชนะ ดังนั้น การที่คนอื่นประสบสำเร็จจึงไม่ได้แปลว่าฉันล้มเหลว” (ในชีวิตจริงมันสามารถมีคนที่ประสบความสำเร็จพร้อมกันได้หลายคนและอาจจะประสบความสำเร็จกันไปคนละด้าน)

- ทำนายอนาคต (Fortune Telling) เช่น “ฉันไม่มีวันที่จะประสบความสำเร็จได้แบบนั้น” ความคิดทางเลือก “การประสบความสำเร็จมันขึ้นอยู่กับการกระทำและระยะเวลา สิ่งที่เราทำไปมันก็ต้องมีสักอย่างที่สำเร็จได้ในสักวัน”


เปลี่ยนความรู้สึกอิจฉาให้มาเป็นพลังทางบวก มันอาจจะดูยากแต่จริง ๆ แล้วคุณสามารถใช้ความรู้สึกอิจฉามาเป็นจุดตั้งต้นในการเปลี่ยนแปลงตัวเองได้ เช่น ถ้าคุณอยากได้รถคันใหม่บ้างก็อาจจะวางแผนการใช้จ่ายเพื่อให้คุณสามารถมีเงินมากพอที่จะออกรถคันใหม่ได้ 


ฝึกขอบคุณ (Gratitude) การขอบคุณจะช่วยบรรเทาความรู้สึกแย่ ๆ ที่เข้มข้นให้เจือจางลง การฝึกขอบคุณบ่อย ๆ จะช่วยให้คุณสามารถก้าวข้ามอารมณ์ลบ ๆ ของตัวเองไปได้ โดยวิธีการก็คือพยายามมองหาสิ่งที่ดีที่เกิดขึ้นกับตัวคุณเองในแต่ละวันเพื่อที่จะขอบคุณ


รู้เท่าทันตัวเองว่ากำลังรู้สึกอะไร แทนที่จะจมไปกับความรู้สึกอิจฉาอย่างไม่รู้ตัวก็พยายามถอยกลับมาทบทวนว่าตัวเองกำลังรู้สึกอะไรและคุยกับตัวเอง เช่น “สถานการณ์อะไรที่มักกระตุ้นให้เกิดความรู้สึกอิจฉาขึ้นมา” “มีใครบ้างที่ตัวเองกำลังรู้สึกอิจฉาอยู่” “อะไรที่มันทำให้ตัวเองเกิดความรู้สึกอิจฉา” 


ลองชื่นชมยินดีกับสิ่งที่ตัวเองมีอยู่แล้วบ้าง เวลาที่กำลังอิจฉาในสิ่งที่คนอื่นมีหรือประสบความสำเร็จมันมักจะทำให้คุณหลงลืมไปว่าตัวเองมีอะไรอยู่แล้วบ้าง แต่จริง ๆ แล้วคุณเองก็อาจจะมีอะไรที่ดีหรือก็เคยประสบความสำเร็จอยู่บ้าง ลองหันกลับมาทบทวนในสิ่งที่ตัวเองมีและอย่าลืมที่จะชื่นชมยินดีกับมันบ้าง


เปลี่ยนแปลงชีวิตของคุณด้วยตัวคุณเอง บางความอิจฉามันก็เป็นสัญญาณว่าคุณควรที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองได้แล้ว โดยมันอาจจะเป็นการลองเรียนรู้ทักษะใหม่ ๆ เปลี่ยนงานใหม่ หรือย้ายไปอยู่ที่อื่น ซึ่งการเปลี่ยนแปลงชีวิตมันเป็นทางเลือกที่คุณสามารถกำหนดให้กับตัวคุณเองได้


อย่างไรก็ตาม ในบางกรณีอารมณ์อิจฉามันก็เกิดขึ้นมาจากสาเหตุปัจจัยที่ซับซ้อน หรือบางครั้งมันก็ไปลึกจนเกินกว่าจะถอนขึ้นมาได้ด้วยการปรับเปลี่ยนความคิดและพฤติกรรม หากคุณพบว่าอารมณ์ความรู้สึกที่เกิดขึ้นกับตัวเองมันดับได้ยากและมันเริ่มส่งผลกระทบต่อสุขภาวะของตัวเองก็ควรที่จะปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิต เช่น จิตแพทย์ นักจิตบำบัด เพื่อให้ตัวเองสามารถใช้ชีวิตได้อย่างเต็มศักยภาพและมีความสุขมากยิ่งขึ้น 

 

iSTRONG Mental Health

ผู้ดูแลสุขภาพใจให้กับบุคคล ครอบครัว และองค์กร


บริการของเรา

สำหรับบุคคลทั่วไป

  • บริการปรึกษา จิตแพทย์และนักจิตวิทยา : http://bit.ly/3lmThUa  

  • คอร์สฝึกอบรมทักษะด้านจิตวิทยา : http://bit.ly/3RQfQwS 

สำหรับองค์กร

โทร. 02-0268949 หรือ Line : @istrong

 

บทความที่เกี่ยวข้อง 


อ้างอิง:

[2] Understanding the Characteristics of Envy and How to Grow Past It. Retrieved from https://www.healthline.com/health/relationships/characteristics-of-an-envious-person

[3] Signs of Jealousy (Envious). Retrieved from https://www.webmd.com/mental-health/signs-jealousy-envious

 

ประวัติผู้เขียน

นิลุบล สุขวณิช (เฟิร์น) มีประสบการณ์ทำงานเป็นนักจิตวิทยาการปรึกษาในมหาวิทยาลัยและเป็นวิทยากรเกี่ยวกับปัญหาสุขภาพจิต/การพัฒนาตนเองให้แก่นักศึกษาเป็นเวลา 11 ปี ปัจจุบันเป็นแม่บ้านในอเมริกาที่มีความสนใจเกี่ยวกับ childhood trauma และยังคงมีความฝันที่จะสื่อสารกับสังคมให้เกิดการตระหนักเกี่ยวกับปัญหาสุขภาพจิต 

Nilubon Sukawanich (Fern) has work experiences as a counseling psychologist and speaker in university for 11 years. Currently occupation is a housewife in USA who keep on learning about childhood trauma and want to communicate to people about mental health problems awareness. 


Comments


facebook album post - square (1).png
1.พวกหลีกเลี่ยงความผูกพัน (2).png
บทความล่าสุด
bottom of page