เมื่อความรักเหมือนรถไฟเหาะ: เอาตัวรอดอย่างไรเมื่อกำลังออกเดทกับ Borderline Personality Disorder
ลองจินตนาการถึงความสัมพันธ์ที่เต็มไปด้วยความรักอันลึกซึ้ง คุณรู้สึกเหมือนเป็นคนพิเศษที่สุดในโลกในช่วงเวลาหนึ่ง แต่ในอีกวินาที คุณกลับถูกผลักไสจนรู้สึกเหมือนคนแปลกหน้า ความสุขและความเจ็บปวดที่สลับกันมาอย่างรวดเร็ว ทำให้คุณตั้งคำถามกับตัวเองว่า “นี่คือความรักที่แท้จริง หรือฉันกำลังติดอยู่ในความสัมพันธ์ที่เป็นพิษ” 💔
สำหรับบางคน ความสัมพันธ์เช่นนี้อาจเป็นสัญญาณของการคบหากับคนรักที่มี Borderline Personality Disorder (BPD) ความสัมพันธ์เหล่านี้มักเริ่มต้นด้วยความเข้มข้นของความรักที่ดูเหมือนสมบูรณ์แบบ แต่ไม่นาน คุณจะพบว่ามันเต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ที่คุณไม่สามารถคาดเดาได้ ความกลัวการถูกทอดทิ้ง ความไม่มั่นคง และการโกรธที่รุนแรง
“ความรักควรทำให้เรามีความสุข ไม่ใช่กลายเป็นภาระทางอารมณ์” แต่เมื่อคุณรักใครสักคนที่มี BPD คุณอาจพบว่าความสัมพันธ์นี้ทั้งดึงดูดใจและบั่นทอนจิตใจในเวลาเดียวกัน บทความนี้จะพาคุณสำรวจลึกถึงธรรมชาติของ BPD วิธีสังเกตว่าคนรักของคุณมีภาวะนี้หรือไม่ และที่สำคัญคือวิธีดูแลตัวเองในความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนเช่นนี้ เพื่อให้คุณสามารถรักษาความสัมพันธ์และสุขภาพจิตของคุณไว้ได้
Borderline Personality Disorder (BPD) คืออะไร
BPD มีลักษณะเด่นคือรูปแบบความไม่มั่นคงในด้านอารมณ์ การรับรู้ตัวเอง และความสัมพันธ์กับผู้อื่น รวมถึงความหุนหันพลันแล่น ตามคู่มือ DSM-5 อาการหลักประกอบด้วย
อารมณ์ไม่มั่นคง: มีอารมณ์แปรปรวนหรือตอบสนองทางอารมณ์รุนแรง
กลัวการถูกทอดทิ้ง: กลัวการถูกปฏิเสธหรือทิ้งอย่างรุนแรง นำไปสู่ความพยายามหลีกเลี่ยงการพลัดพราก
หุนหันพลันแล่น: มีพฤติกรรมเสี่ยง เช่น ใช้สารเสพติด ขับรถประมาท หรือกินแบบควบคุมไม่ได้
การรับรู้ตนเองบิดเบือน: การรับรู้ตัวเองไม่มั่นคงหรือรู้สึกว่างเปล่าเรื้อรัง
ความสัมพันธ์ไม่มั่นคง: สลับไปมาระหว่างการชื่นชมและด้อยค่าผู้อื่น
อาการเหล่านี้มีความรุนแรงแตกต่างกันและมักส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตที่มั่นคงและมีความสุข
สถิติจากทั่วโลก
ประชากรทั่วไป: ประมาณ 1.6% ของประชากรโลกได้รับผลกระทบ บางการศึกษาพบสูงถึง 5.9%
ในสถานพยาบาล:
ผู้ป่วยนอกทั่วไป: พบประมาณ 6.4% ในเขตเมือง
ผู้ป่วยนอกจิตเวช: พบประมาณ 9.3%
ผู้ป่วยในจิตเวช: พบสูงถึง 20%
ความแตกต่างทางเพศ: ผู้หญิงได้รับการวินิจฉัยมากกว่าผู้ชาย 3:1 แต่การศึกษาพบว่าความชุกตลอดชีวิตใกล้เคียงกันระหว่างเพศ
โรคร่วม: ประมาณ 85% มีโรคทางจิตเวชอื่นร่วมด้วย เช่น โรคอารมณ์ โรควิตกกังวล หรือการใช้สารเสพติด
สาเหตุ
สาเหตุที่แน่ชัดยังไม่ทราบ แต่เชื่อว่าเกิดจากหลายปัจจัยร่วมกัน ได้แก่
ปัจจัยทางชีวภาพ: พันธุกรรมและความแตกต่างของโครงสร้างสมอง
ปัจจัยสิ่งแวดล้อม: ประสบการณ์ทราวมาในวัยเด็ก
ปัจจัยทางสังคม: ความสัมพันธ์ที่ไม่มั่นคงในช่วงวัยเด็ก
วิธีสังเกตว่า คนที่คุณกำลังเดทด้วยอาจมี Borderline Personality Disorder (BPD) หรือไม่
การสังเกตว่าคนที่คุณกำลังคบหาอยู่มีลักษณะของ BPD หรือไม่ อาจเป็นเรื่องยาก เพราะในช่วงแรกของความสัมพันธ์ คุณอาจเห็นเพียงแค่ด้านที่น่ารักและมีเสน่ห์ของเขา อย่างไรก็ตาม หากคุณเริ่มสังเกตเห็นรูปแบบพฤติกรรมบางอย่างที่ไม่ปกติหรือมีลักษณะดังต่อไปนี้ อาจเป็นสัญญาณที่บ่งชี้ว่าพวกเขาอาจมี BPD
1. ความกลัวการถูกทอดทิ้งที่รุนแรง
คนที่มี BPD มักมีความกลัวอย่างรุนแรงว่าจะถูกทิ้ง แม้กระทั่งในสถานการณ์ที่ไม่ได้มีความเสี่ยงในความสัมพันธ์เลย ตัวอย่างเช่น
แสดงอารมณ์อย่างรุนแรงเมื่อคุณไม่ตอบข้อความหรือโทรศัพท์ในทันที
แปลความหมายสิ่งเล็กๆ เช่น การที่คุณใช้เวลากับเพื่อน หรือการเลื่อนนัด ว่าเป็นสัญญาณว่าคุณจะจากไป
แสดงพฤติกรรมเพื่อดึงความสนใจ เช่น การพูดถึงการทำร้ายตัวเองเมื่อรู้สึกว่าคุณอาจจะทิ้งเขาหรือเธอ
2. การมองคนหรือความสัมพันธ์ในมุมสุดโต่ง (Idealization vs. Devaluation)
พวกเขาอาจมีความรู้สึกต่อคนรักในลักษณะ "สุดโต่ง" สลับไปมา กล่าวคือ
ในช่วงแรกของความสัมพันธ์ พวกเขาอาจมองว่าคุณเป็นคนที่ดีที่สุดในโลก พยายามทำทุกอย่างเพื่อคุณ และทำให้คุณรู้สึกพิเศษ
แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์เล็กๆ น้อยๆ ที่พวกเขาตีความว่าเป็นการถูกปฏิเสธ (เช่น คุณลืมทำบางอย่างที่พวกเขาคาดหวัง) มุมมองนี้อาจเปลี่ยนเป็นความรู้สึกโกรธหรือการด้อยค่าทันที
คุณอาจรู้สึกเหมือนถูกผลักไปมา หรือขึ้นลงราวกับนั่งรถไฟเหาะ
3. อารมณ์แปรปรวนอย่างรวดเร็วและรุนแรง
คนที่มี BPD มักประสบกับอารมณ์ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว (emotional dysregulation) ตัวอย่างเช่น
พวกเขาอาจแสดงความรักและความอบอุ่นอย่างสุดซึ้งในช่วงหนึ่ง และกลายเป็นโกรธหรือเย็นชาอย่างฉับพลันในอีกช่วงหนึ่ง
เหตุการณ์เล็กน้อย เช่น การที่คุณพูดไม่ตรงใจ อาจทำให้พวกเขาโกรธหรือเศร้าในระดับที่คุณอาจไม่คาดคิด
4. พฤติกรรมหุนหันพลันแล่น (Impulsive Behavior)
พวกเขาอาจมีพฤติกรรมที่ไม่สามารถควบคุมได้และเสี่ยงต่อตัวเอง ตัวอย่างเช่น
ใช้จ่ายเงินเกินตัว
ใช้สารเสพติด ดื่มสุรา หรือมีพฤติกรรมเสี่ยงอื่นๆ
มีการเปลี่ยนแปลงในเป้าหมายชีวิตหรือการตัดสินใจอย่างรวดเร็ว เช่น การเปลี่ยนงานกะทันหัน
5. ความรู้สึกว่างเปล่าและตัวตนไม่มั่นคง
คนที่มี BPD มักมีปัญหาเรื่อง "ตัวตน" ของตัวเอง พวกเขาอาจแสดงลักษณะ
รู้สึกเหมือนตัวเอง "ไม่มีค่า" หรือไม่รู้ว่าจริงๆ แล้วตัวเองต้องการอะไรในชีวิต
มองหาการยอมรับและยืนยันจากคนอื่นอยู่ตลอดเวลา เช่น การขอคำชมจากคุณหรือการต้องการให้คุณแสดงความรักอย่างต่อเนื่อง
เปลี่ยนแปลงบุคลิกภาพหรือความชอบบ่อยๆ เพื่อให้เข้ากับคนรอบข้าง
6. การแสดงความโกรธอย่างรุนแรงและไม่เหมาะสม
คนที่มี BPD อาจมีปัญหาในการจัดการกับความโกรธ ตัวอย่างเช่น
โกรธหรือระเบิดอารมณ์เมื่อคุณทำสิ่งที่ไม่ตรงกับความคาดหวังของพวกเขา
ใช้คำพูดรุนแรงในระหว่างการทะเลาะ หรือแม้กระทั่งโยนสิ่งของ
หลังจากแสดงอารมณ์รุนแรง พวกเขาอาจรู้สึกผิดและพยายามขอโทษหรือแสดงความรักอีกครั้ง
7. พูดถึงหรือแสดงพฤติกรรมทำร้ายตัวเอง
นี่เป็นสัญญาณที่สำคัญมากที่ควรใส่ใจ คนที่มี BPD อาจพูดถึงการทำร้ายตัวเอง เช่น
การพูดเป็นนัยว่า “ฉันไม่อยากมีชีวิตอยู่ถ้าคุณไม่อยู่กับฉัน”
การแสดงพฤติกรรมเสี่ยงที่อาจเป็นอันตรายต่อตัวเอง เช่น การทำร้ายตัวเอง หรือการขับรถโดยประมาท
สิ่งเหล่านี้มักเกิดขึ้นในสถานการณ์ที่พวกเขารู้สึกกลัวว่าจะสูญเสียความสัมพันธ์
สังเกตอย่างไรโดยไม่ตัดสิน?
การสังเกตพฤติกรรมเหล่านี้ไม่ควรถูกใช้เพื่อ "ตัดสิน" คนที่คุณกำลังเดทด้วย แต่เป็นแนวทางในการเข้าใจพวกเขา หากคุณพบว่าพฤติกรรมของพวกเขาสอดคล้องกับลักษณะของ BPD มากขึ้น คุณควร
เปิดใจที่จะพูดคุยกับพวกเขาเกี่ยวกับความรู้สึกของคุณ
โน้มน้าวพวกเขาให้เข้าไปพูดคุยกับจิตแพทย์หรือนักจิตวิทยา
หาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ BPD เพื่อให้คุณสามารถจัดการกับความสัมพันธ์ได้อย่างเหมาะสม
ภาวะนี้ส่งผลกระทบอย่างมากต่อความสัมพันธ์ เนื่องจากคนที่มี BPD มักประสบกับความไม่มั่นคงในตัวเองและกลัวการถูกทอดทิ้ง ซึ่งอาจทำให้ความรักกลายเป็นพื้นที่ที่เต็มไปด้วยความตึงเครียดและความไม่แน่นอน หากคุณกำลังคบหากับคนที่มี BPD คุณอาจรู้สึกเหนื่อยล้าทางอารมณ์จากการพยายามปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงอารมณ์ของพวกเขา และอาจเกิดความเครียดสะสมหากไม่ได้รับการสนับสนุนทางอารมณ์หรือคำแนะนำที่เหมาะสมจากผู้เชี่ยวชาญ
วิธีรับมือ: รักเขาโดยไม่เสียตัวตนของคุณ
การรักคนที่มี BPD ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ความรักนี้สามารถเป็นไปได้ หากคุณมีเครื่องมือและความเข้าใจที่เหมาะสม มีคำแนะนำในการรับมือดังต่อไปนี้
1. เรียนรู้เกี่ยวกับ BPD
การเข้าใจธรรมชาติของ BPD จะช่วยให้คุณมองเห็นความเป็นตัวตนของคนรักมากขึ้น และเข้าใจว่าพฤติกรรมบางอย่างไม่ได้มาจากความตั้งใจที่จะทำร้ายคุณ แต่เป็นผลจากภาวะของเขา
2. ตั้งขอบเขตที่ชัดเจน
เพื่อปกป้องสุขภาพจิตของคุณ คุณควรมีขอบเขตที่ชัดเจนเกี่ยวกับสิ่งที่คุณยอมรับได้และไม่ได้ เช่น การควบคุมอารมณ์หรือการใช้คำพูดรุนแรงในระหว่างทะเลาะ
3. อย่าตอบสนองต่ออารมณ์รุนแรงทันที
ในช่วงเวลาที่อารมณ์พุ่งสูง ให้คุณเลือกเว้นระยะห่าง หรือพูดคุยเมื่อทั้งสองฝ่ายสงบลง เพื่อป้องกันไม่ให้ความขัดแย้งรุนแรงขึ้น
4. สนับสนุนการรักษา
หากคุณเห็นว่าคนรักเปิดใจรับความช่วยเหลือ คุณควรสนับสนุนให้พวกเขาเข้ารับการรักษา
5. ดูแลตัวเอง
ความรักที่คุณมีต่อคนอื่นจะไม่มีค่าเลย หากคุณปล่อยให้ตัวเองจมอยู่ในความเหนื่อยล้าทางอารมณ์ หาพื้นที่ส่วนตัวสำหรับการผ่อนคลาย เช่น การพูดคุยกับนักจิตวิทยา หรือการทำกิจกรรมที่คุณรัก
อย่าปล่อยให้ความรักกลายเป็นความเจ็บปวดที่ไม่มีที่สิ้นสุด
การรักคนที่มี BPD อาจรู้สึกเหมือนการนั่งรถไฟเหาะที่ไม่มีวันหยุด แต่คุณไม่จำเป็นต้องเดินทางนี้คนเดียว ความเข้าใจ การตั้งขอบเขต และการขอความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญ สามารถช่วยให้คุณรักษาความสัมพันธ์ที่มีคุณค่า และดูแลตัวเองในเวลาเดียวกันได้
หากคุณกำลังรู้สึกว่าความสัมพันธ์ของคุณกำลังส่งผลต่อสุขภาพจิต อย่ารอช้าที่จะขอคำปรึกษาจาก นักจิตวิทยาและจิตแพทย์ออนไลน์ ที่ iSTRONG เพื่อเริ่มต้นการเดินทางสู่ความสัมพันธ์ที่มั่นคงและสุขภาพจิตที่ดีขึ้น
iSTRONG Mental Health
ผู้ดูแลสุขภาพใจให้กับบุคคล ครอบครัว และองค์กร
บริการของเรา
สำหรับบุคคลทั่วไป
บริการปรึกษา จิตแพทย์และนักจิตวิทยา : http://bit.ly/3lmThUa
คอร์สฝึกอบรมทักษะด้านจิตวิทยา : http://bit.ly/3RQfQwS
สำหรับองค์กร
EAP โปรแกรมสำหรับองค์กร : http://bit.ly/3RLI8Z8
โทร. 02-0268949 หรือ Line : @istrong
Comments