นักจิตวิทยาการให้คำปรึกษา น้อยแต่มาก ไม่ยากแต่ก็ไม่ง่าย
เชื่อว่าคนส่วนใหญ่คงจะเคยมีประสบการณ์การพูดคุยหรือระบายให้ใครสักคนฟัง และบางคนก็อาจจะเคยเป็นทั้งฝ่ายระบายทั้งฝ่ายรับฟังในคนเดียวกัน ซึ่งหนึ่งในนั้นก็จะมีบางคนที่รู้สึกชอบการให้คำปรึกษารับฟังเรื่องราวความไม่สบายใจของคนอื่นแถมยังดูจะให้คำปรึกษาได้ดีเสียด้วย
อย่างไรก็ตาม การให้คำปรึกษาทั่ว ๆ ไปนั้นมีทั้งความเหมือนและความต่างกับการให้คำปรึกษาเชิงจิตวิทยาที่ทำโดยนักจิตวิทยาการให้คำปรึกษา และแม้ว่ามันจะดีที่มีคนรับฟังการระบาย แต่การทำงานของนักจิตวิทยาการให้คำปรึกษานั้นจะต้องมีหลักการ มีเป้าหมาย และคนที่ทำจะต้องเข้าใจจิตวิทยารวมถึงต้องผ่านการฝึกฝนทักษะการให้คำปรึกษามาอย่างเข้มข้นจนมีชั่วโมงฝึกบินมากพอถึงจะปฏิบัติงานจริงได้
นักจิตวิทยาการให้คำปรึกษาต้องทำอะไรบ้าง?
การช่วยเหลือผู้คนให้เพิ่มพูนสุขภาวะทุก ๆ ด้านโดยเน้นสุขภาวะทางด้านจิตใจ
การยกระดับผู้คนจากภาวะไม่เป็นสุข หรือภาวะทุกข์ (distress) ให้มีสมรรถนะในการดำรงชีวิตอย่างเต็มที่ อย่างสมบูรณ์ อย่างอิ่มเอม และเป็นสุข ตลอดจนการพาผู้คนดำเนินผ่านภาวะวิกฤต (crisis) ต่าง ๆ ในชีวิต
การเพิ่มพูนส่งเสริมการพัฒนาความงอกงามด้านจิตใจ (psychological growth)
การพัฒนารักษาเยียวยาทางด้านจิตใจ (psychological growth, support and healing) ในปัญหาทางอารมณ์ ทางจิตใจ หรือทางกายที่เชื่อมโยงมาถึงอารมณ์และจิตใจ หรือความไร้ระเบียบทางจิตใจ (mental disorders)
ทั้งนี้สมาคมจิตวิทยาการปรึกษาแห่งประเทศไทยได้ระบุไว้ว่า “งานบริการของนักวิชาชีพจิตวิทยาการปรึกษาครอบคลุมผู้คนทุกช่วงวัยและทุกพื้นฐานวัฒนธรรม เพื่อให้เกิดสุขภาวะในจิตใจ ในการดำรงชีวิตและการงาน (career) ในการศึกษา และในสุขภาวะทางจิตใจ (mental health)”
คุณสมบัติของการเป็นนักจิตวิทยาการให้คำปรึกษา
แม้ว่าในปัจจุบันประเทศไทยยังไม่มีการกำหนดให้นักจิตวิทยาการ(ให้คำ)ปรึกษาต้องมีใบประกอบวิชาชีพ แต่นักจิตวิทยาการให้คำปรึกษาก็ต้องทำงานภายใต้หลักการปฏิบัติที่ถูกต้อง รวมถึงจะต้องยึดมั่นในจรรยาบรรณวิชาชีพอยู่เสมอ
ดังนั้น นักจิตวิทยาการให้คำปรึกษาจึงควรเป้นผู้ที่สำเร็จการศึกษาและได้รับปริญญาสาขาจิตวิทยามาโดยตรง
โดยเฉพาะจิตวิทยาการปรึกษา (Counseling psychology) เนื่องจากงานให้คำปรึกษาเชิงจิตวิทยานั้นเป็นงานที่เรียกว่า น้อยแต่มาก ไม่ยากแต่ก็ไม่ง่าย กล่าวคือ การให้คำปรึกษาเชิงจิตวิทยานั้นไม่จำเป็นต้องมีคำแนะนำสั่งสอนหรือพูดอะไรออกไปมาก แต่ทุกเทคนิคและกระบวนการที่ถูกใส่เข้ามาใน session การปรึกษาจะต้องเกิดประโยชน์ต่อผู้รับบริการเป็นอย่างมาก
ซึ่งบางเทคนิคนั้นดูเหมือนจะง่าย แต่กับบางคนอาจจะใช้เทคนิคนั้นได้ลำบาก โดยเฉพาะหากเทคนิคนั้นขัดต่อบุคลิกภาพส่วนตัว เช่น เป็นคนที่ติดสั่งสอนแนะนำและทนรับฟังคนอื่นพูดเยอะ ๆ ไม่ไหว ก็จะเกิดความรู้สึกอึดอัดใจเมื่อต้องรับฟังผู้รับบริการโดยไม่แทรกการแนะนำสั่งสอนออกไประหว่างที่ผู้รับบริการยังเล่าไม่จบ หรือเป็นคนที่เก็บความลับเอาไว้ไม่ไหว เวลาที่ฟังอะไรมาแล้วจะรู้สึกอึดอัดใจมากถ้าหากไม่ได้เล่าต่อ
นอกจากนี้ นักจิตวิทยาการให้คำปรึกษาจะต้องฝึกฝนตนเองจนมีมุมมองต่อผู้รับบริการอย่างให้คุณค่าและความสำคัญในความเป็นมนุษย์ และทำความเข้าใจปัญหาของผู้มารับบริการผ่านมุมมองด้านการพัฒนาการ นักจิตวิทยาการให้คำปรึกษาจึงจำเป็นต้องมีความรู้พื้นฐานทางทฤษฎีที่มีความเกี่ยวข้องกับมนุษย์และพัฒนาการทุกด้านของมนุษย์
ทักษะความสามารถที่นักจิตวิทยาการให้คำปรึกษาควรทำได้
ตามข้อมูลจากเว็บไซต์ของสมาคมจิตวิทยาอเมริกัน (American Psychological Association: APA) ได้ระบุไว้ว่านักจิตวิทยาการให้คำปรึกษาควรมีทักษะและความรู้ความเข้าใจในกระบวนการทำงานอย่างน้อยในขอบเขตดังต่อไปนี้
การให้คำปรึกษา/การทำจิตบำบัดแบบรายบุคคล แบบกลุ่ม และแบบครอบครัว (Individual, family and group counseling and psychotherapy)
การดูแลผู้ที่อยู่ในภาวะวิกฤต ผู้ที่เผชิญกับเหตุการณ์เลวร้าย และผู้ที่มีบาดแผลทางใจ
การประเมินความเสี่ยงต่อปัญหาสุขภาพจิตในเบื้องต้น
การให้ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพจิตและปัญหาสุขภาพจิตในบริบทต่าง ๆ เช่น โรงเรียน ครอบครัว สถานประกอบการ โดยเน้นการทำงานเชิงป้องกันก่อนที่ปัญหาจะเกิดขึ้นหรือก่อนที่ปัญหาจะไปถึงระดับที่รุนแรง
การให้คำปรึกษาแก่หน่วยงาน/องค์กรต่าง ๆ
การจัดโปรแกรมการฝึกอบรม
การให้ความเห็นทางคลินิก*
การสร้างและการตรวจสอบความเชื่อมั่นของแบบทดสอบ*
การศึกษาวิจัย*
หมายเหตุ: ข้อที่มี (*) เป็นข้อมูลจากเว็บไซต์ของสมาคมจิตวิทยาอเมริกัน ซึ่งการปฏิบัติงานของนักจิตวิทยาการให้คำปรึกษาไทยอาจมีรายละเอียดที่แตกต่างไปจากนี้
นักจิตวิทยาการให้คำปรึกษาทำงานกับผู้ป่วยจิตเวชหรือไม่?
ผู้รับบริการกลุ่มหลักของนักจิตวิทยาการให้คำปรึกษาจะเป็นบุคคลทั่วไปที่ยังไม่มีอาการป่วยทางจิตเวช ซึ่งหมายถึงบุคคลใดก็ได้ที่เกิดความรู้สึกไม่สบายแต่ไม่สามารถรับมือหรือจัดการกับปัญหาได้ตามลำพังอีกต่อไป จึงมีความต้องการที่จะพูดคุยกับคนอื่นเพื่อให้สามารถพบแนวทางในการออกจากปัญหาที่หลากหลายมากขึ้น
ได้รับการสนับสนุนให้กำลังใจ จนสามารถเกิดความเข้าใจในตนเองมากขึ้น นำไปสู่การจัดการปัญหาของตนได้อย่างสอดคล้อง และเหมาะสมกับความเป็นจริง รวมไปถึงสามารถค้นพบศักยภาพของตนเองและใช้ศักยภาพนั้นได้อย่างเต็มที่ เพื่อพัฒนาตนเองไปสู่เป้าหมายที่ตั้งไว้ และขยายทัศนะในการมองโลก และชีวิตก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงตนเองในทางที่ดี
อย่างไรก็ตาม อาจมีบางครั้งที่ผู้รับบริการมีปัญหาสุขภาพจิตที่จัดอยู่ในอาการป่วยทางจิตเวช เช่น โรคซึมเศร้า โรควิตกกังวล ซึ่งผู้รับบริการกลุ่มนี้ควรได้รับการช่วยเหลือจากจิตแพทย์/นักจิตวิทยาคลินิก/นักจิตบำบัดควบคู่กันไป ซึ่งหากผู้รับบริการมีอาการที่มากจนไม่สามารถใช้การพูดคุยช่วยเหลือได้ นักจิตวิทยาการให้คำปรึกษาจะต้องมีความสามารถในการประเมินระดับความรุนแรงของอาการเพื่อแนะนำให้ผู้รับบริการได้พบจิตแพทย์และรับการรักษาอย่างถูกต้องเหมาะสม
หากคุณต้องการพัฒนาทักษะด้านจิตวิทยา เพื่อปรับใช้ในการทำงาน ครอบครัว ความสัมพันธ์และในชีวิตประจำวัน สามารถดูคอร์สเรียนจาก iSTRONG ได้ที่นี่
iSTRONG Mental Health
ผู้ดูแลสุขภาพใจให้กับบุคคล ครอบครัว และองค์กร
บริการของเรา
สำหรับบุคคลทั่วไป
บริการปรึกษา จิตแพทย์และนักจิตวิทยา : http://bit.ly/3lmThUa
คอร์สฝึกอบรมทักษะด้านจิตวิทยา : http://bit.ly/3RQfQwS
สำหรับองค์กร
EAP โปรแกรมสำหรับองค์กร : http://bit.ly/3RLI8Z8
โทร. 02-0268949 หรือ Line : @istrong
อ้างอิง
[1] สมาคมจิตวิทยาการปรึกษาแห่งประเทศไทย https://www.thaicounseling.org/about
[2] Counseling Psychology https://www.apa.org/ed/graduate/specialize/counseling
[3] จิตวิทยาการปรึกษา https://www.psy.chula.ac.th/th/feature-articles/counpsy
บทความที่เกี่ยวข้อง
ประวัติผู้เขียน
นางสาวนิลุบล สุขวณิช (เฟิร์น) จบการศึกษาระดับปริญญาโทในสาขาจิตวิทยาการปรึกษา มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และระดับปริญญาตรีสาขาจิตวิทยา(คลินิก) มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ปัจจุบันเป็นนักจิตวิทยา
Komentáře