7 ผลลัพธ์ชีวิตดี จากการเขียนขอบคุณ
การเขียนขอบคุณสิ่งต่าง ๆ (gratitude) และทำต่อเนื่องให้เป็นกิจวัตร ในช่วงเวลาหนึ่งนั้น มีผลดีกับชีวิตเราเป็นอย่างมาก แน่นอนว่าอาจไม่เห็นผลอย่างทันทีทันใด ไม่ทันใจสำหรับใครหลายๆ คน แต่อยากให้คุณผู้อ่านได้ทดลองทำ สักช่วงเวลาหนึ่งแล้วคุณจะเห็นความเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นอย่างแน่นอนค่ะ
"The more thankful I became, the more my bounty increased. That’s because – for sure – what you focus on expands. When you focus on the goodness in life, you create more of it." - Oprah Winfrey -
"ยิ่งฉันเป็นคนที่ซาบซึ้งและขอบคุณสิ่งต่าง ๆ มากเท่าไหร่ ฉันก็ยิ่งได้รับมากขึ้นเท่านั้น
นั่นเป็นเพราะสิ่งไหนที่คุณให้ความสำคัญ มันจะยิ่งเข้ามาในชีวิตคุณมากขึ้น
ดังนั้นเวลาที่คุณให้ความสำคัญกับสิ่งดี ๆ ในชีวิต
คุณก็จะยิ่งได้รับสิ่งดี ๆ ในชีวิตด้วยเช่นกัน"
- โอปราห์ วินฟรีย์ -
แพรจำไม่ได้ว่าแพรได้ยินเรื่อง การเขียนขอบคุณสิ่งต่าง ๆ (gratitude) มาจากที่ไหนเป็นครั้งแรก จำได้รางๆ ว่า เป็นงานวิจัยที่นักจิตวิทยาให้ผู้ป่วยที่เป็นโรคซึมเศร้าพยายามเขียนเรื่องที่พวกเขารู้สึกขอบคุณ แม้จะเป็นเรื่องเล็กๆ อย่างน้อย 3 เรื่องเป็นเวลาติดกันระยะเวลาหนึ่ง ในช่วงแรก ผู้ป่วยที่เป็นโรคซึมเศร้าก็ไม่รู้ว่าจะเขียนอะไร รู้สึกว่ามันยากเหลือเกินกับการนึกถึงเรื่องราวดีๆ ที่ทำให้เขารู้สึกขอบคุณได้ แต่พอเวลาผ่านไป เขาก็มองเห็นมันมากขึ้น เป็นการเปลี่ยนมุมมองจากที่ไปโฟกัสในเรื่องที่ทำให้เราไม่สบายใจ ทุกข์ใจ มามองถึงสิ่งดีๆ ที่เกิดขึ้นเช่นกันในชีวิตของเราอยู่ทุกวัน ได้ฟังเรื่องนี้ ก็เกิดคำถามขึ้นในใจว่า เอ๊ะ จริงๆ แล้ว ในชีวิตเราทุกวัน ก็มีทั้งเรื่องที่ดี ที่เราชอบใจ และไม่ดี เกิดขึ้นทั้งสองอย่าง ทำไมสมองเราถึงได้จำหรือได้รับผลกระทบจากเรื่องราวที่ไม่ดีเยอะกว่า แพรก็ได้ไปอ่านเจองานวิจัยงานหนึ่ง ของ ดร. John Cacioppo ที่ได้ทำการศึกษา โดยเอาภาพ 3 ประเภท ได้แก่ ประเภทแรกภาพของสิ่งต่างๆ ที่จะสร้างความรู้สึกดีๆ เช่น รูปรถสวยๆ สถานที่สวยๆ ประเภทที่สอง ภาพ ของความตาย ความหดหู่ ที่จะทำให้เรารู้สึกไม่ดี และประเภทที่สาม ภาพที่ทำให้รู้สึกเป็นกลาง ได้แก่ ภาพจาน ที่เป่าผม เป็นต้น หลังจากที่ให้กลุ่มตัวอย่างดูภาพต่างๆ และทำการศึกษาคลื่นสมองพบว่า ภาพประเภทที่สองมีผลต่อคลื่นสมองมากที่สุด เนื่องจาก มนุษย์มีสัญชาตญาณของการระวังภัยนั่นเอง แต่อย่างไรก็ตามการที่เราพยายามนึกถึงเรื่องดีๆ เล็กๆ ที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน ส่งผลดีต่อชีวิตของเรามากมาย วันนี้แพรมี ข้อดี 7 ข้อของการขอบคุณสิ่งต่าง ๆ (gratitude) ที่ถูกพิสูจน์โดยหลักวิทยาศาสตร์มาฝากทุกคนกันค่ะ 1. การซาบซึ้งและขอบคุณทำให้เรามีความสัมพันธ์ที่ดีกับคนรอบตัว การที่เรารู้สึก ขอบคุณ กล่าวขอบคุณ ไม่ว่าเรื่องเล็กๆ เช่น เวลามีคนเปิดประตูให้กับเรา แล้วเราขอบคุณ การเขียนโน้ตเพื่อขอบคุณเพื่อน หรือคนที่เรารู้จักที่ได้ช่วยเหลือเรา จะทำให้เราพัฒนาความสัมพันธ์ที่ดีกับบุคคลเหล่านั้น ทำให้เขาอยากช่วยเหลือ และให้โอกาสดีๆ กับเรามากยิ่งขึ้น 2. การซาบซึ้งและขอบคุณช่วยพัฒนาสุขภาพร่างกาย มีการศึกษาและผลงานตีพิมพ์ในปี 2012 ใน Personality and Individual Difference บอกไว้ว่า คนที่รู้สึกซาบซึ้งและขอบคุณจะลดอาการปวดและมีสุขภาพดีกว่าคนทั่วไป (ถ้าเราเครียดเราก็มักจะปวดหัว ปวดหลังใช่ไหมคะ) พวกเขามักจะดูแลสุขภาพร่างกายของตัวเองเป็นอย่างดี 3. การซาบซึ้งและขอบคุณช่วยพัฒนาสุขภาพจิตใจ Robert Emmons ผู้นำด้านการวิจัยเรื่อง Gratitude ได้ทำงานวิจัยหลายชิ้น เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่าง Gratitude และ well-being ปรากฏว่า Gratitude มีส่วนช่วยให้เรามีความสุขมากขึ้น ลดความรู้สึกที่เป็นด้านลบไม่ว่าจะเป็น ความอิจฉา ความรู้สึกไม่พึงพอใจ ความรู้สึกผิดหวัง และ ลดอาการของโรคซึมเศร้าได้อีกด้วย 4. การซาบซึ้งและขอบคุณทำให้เราลดความก้าวร้าวและทำให้รู้สึกเห็นอกเห็นใจผู้อื่น
มากขึ้น University of Kentucky ได้ทำการศึกษาและพบว่า คนที่มีคะแนน gratitude สูงๆ จะไม่ทำสิ่งที่ไม่ดีกับคนอื่น มักจะไม่ feedback คนอื่นในเชิงลบ พวกเขาจะรู้สึกเห็นอกเห็นใจ ไม่คิดเรื่องการล้างแค้น และมักจะทำสิ่งดีๆ ให้กับคนอื่น
5. ผู้ที่มักการซาบซึ้งและขอบคุณสามารถนอนหลับได้ดี การที่เขียนบันทึก gratitude ก่อนนอนในแต่ละวัน จะทำให้เรานอนหลับได้ดีขึ้น เนื่องจากเราได้นึกถึงเรื่องดีๆ ก่อนที่เราจะนอนนั่นเอง 6. การซาบซึ้งและขอบคุณช่วยเพิ่ม self-esteem คนที่รู้สึกขอบคุณ และพอใจในสิ่งที่ตัวเองมีอยู่ จะไม่เปรียบเทียบตัวเองแล้วรู้สึกแย่กับคนที่มีมากกว่า ซึ่งความรู้สึกแบบนั้นเป็นการทำลาย self-esteem แต่จะพอใจกับความสำเร็จของตัวเอง ณ.จุดนั้น และขอบคุณในสิ่งที่ตัวเองมีอยู่ ซึ่งจะทำให้ self-esteem หรือความนับถือในตัวเองเพิ่มมากยิ่งขึ้น 7. การซาบซึ้งและขอบคุณทำให้สุขภาพจิตแข็งแรง มีการศึกษาเรื่อง Gratitude มาเป็นเวลาหลายปี ซึ่ง gratitude ไม่เพียงแต่ช่วยลดความเครียด แต่ยังเป็นตัวแปรที่สำคัญ ให้เราผ่านเหตุการณ์ที่เลวร้ายในชีวิตเราไปได้อีกด้วย ตัวอย่างเช่น มีการวิจัยในปี 2006 กับทหารที่ผ่านสงครามเวียดนาม พบว่า คนที่มี คะแนน gratitude สูงๆ จะมีความเครียดที่เกิดขึ้นภายหลังเหตุการณ์สงครามน้อยกว่าคนที่มีคะแนนต่ำๆ นอกจากนี้ ยังมีงานวิจัยในปี 2003 พบว่า gratitude มีผลอย่างยิ่งกับการพัฒนา resilience (หรือการกลับมาเข้มแข็งใหม่อีกครั้ง) จากเหตุการณ์ 9/11 อีกด้วย นี่หละค่ะ ข้อดีทั้ง 7 ข้อของ Gratitude เราไม่สามารถควบคุมสิ่งต่างๆ ให้เกิดกับเราได้ แต่เราเลือกที่จะมองได้ ไม่ว่าวันไหนๆ ไม่ว่าจะเป็นวันที่เลวร้ายเท่าไร มันก็จะมีเรื่องดีๆ เกิดขึ้นเสมอๆ ขึ้นอยู่กับคุณจะมองมันเห็นหรือเปล่า การนึกถึงเรื่องที่เลวร้าย หรือเรื่องที่ดี ก็ขึ้นอยู่กับตัวเรา และนั่นคือ สิ่งเดียวที่เราจะควบคุมมันได้ ความคิดของเรานั่นเองค่ะ
____________________________________________________
iStrong.co ศูนย์ให้คำปรึกษาด้านสุขภาพจิตและครอบครัว
บริการให้คำปรึกษาโดยนักจิตวิทยา นักจิตบำบัด นักจิตวิทยาคลินิกที่มีใบรับรอง
สามารถเลือกคุยทางโทรศัพท์หรือการพูดคุยแบบส่วนตัว (Private Counseling)
และคอร์สออนไลน์ | Classroom Workshop
รวมถึงบทความจิตวิทยาอีกมากมาย
Contact : https://www.istrong.co/service
Comments