นักจิตวิทยาชี้ 7 พลังของความไม่สมบูรณ์แบบ ที่ทำให้เราเป็นเรา
“ความสมบูรณ์แบบ” เป็นสิ่งที่ใคร ๆ ก็ใฝ่ฝัน ว่าวันหนึ่งเราจะกลายเป็นคนที่สมบูรณ์แบบ เราจะรวย จะดูดี จะมีความสุข แต่ในความเป็นจริงที่เรารู้แน่แก่ใจ คือ เราทุกคนล้วน “ไม่สมบูรณ์แบบ” ซึ่งได้มีบทความจิตวิทยามากมายที่ได้พูดถึงการทำชีวิตให้สมบูรณ์แบบ หรือใกล้เคียงความสมบูรณ์แบบมากที่สุด เช่น How to ประสบความสำเร็จ How to สู่ความรวย How to สู่ความงาม
ผู้เขียนเองก็เคยเขียนบทความจิตวิทยาที่ว่ามาเช่นกันค่ะ จนเมื่อได้ไปเจอคลิปวิดีโอการพูดถึงเรื่องความเปราะบางทางใจ และความไม่สมบูรณ์แบบของคนเรา โดยคุณ Brené Brown นักมานุษยวิทยา ผู้จบปริญญาตรี ปริญญาโท และปริญญาเอกสายสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ และเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านความสัมพันธ์ของผู้คน ทำให้ดิฉันได้เปลี่ยน มุมมองความคิด (Mindset) ว่า ความไม่สมบูรณ์แบบก็มีพลังต่อการใช้ชีวิตให้มีคุณค่าของคนเราอย่างมหาศาลเลยทีเดียว
โดยพลังแห่งความไม่สมบูรณ์แบบที่ได้มาจากการรับฟังคุณ Brown นั้น มี 7 ข้อ ดังนี้ค่ะ
1. บางครั้งความอายทำให้คุณน่าเอ็นดู
หากคุณเป็นคนหนึ่งที่เขินอายเวลาอยู่ต่อหน้าคนมาก ๆ และรู้สึกรำคาญตัวเองเวลาต้องมาพูด หรือมาแสดงความสามารถต่อหน้าสาธารณชน แต่คุณรู้หรือไม่คะ ว่าความเขินอายที่คุณมี ทำให้คุณดูน่ารัก น่าเอ็นดู น่าเอาใจช่วยทุกครั้งเวลาที่คุณได้พูด หรือแสดงความสามารถ และความประหม่าที่เก็บไม่อยู่นั้น ก็ยิ่งทำให้คนต้องการจะยื่นมือมาช่วยเหลือ ซึ่งนั่นเป็นโอกาสที่ทำให้คุณได้เรียนรู้เทคนิคจากคนเก่ง ๆ และฝึกความกล้าไปในตัวด้วยค่ะ
2. ทุกครั้งที่คุณทำความผิด และละอายต่อความผิด คุณจะมีความเป็นคนมากขึ้น
คนทุกคนย่อมเคยทำผิดพลาดกันได้ และเมื่อคุณทำผิดพลาด แล้วมีความละอายต่อความผิดนั้น ในทางจิตวิทยานั่นเป็นสัญญาณว่าคุณมีการเอาใจเขามาใส่ใจเรา (Empathy) เนื่องจากคิดถึงใจคนที่เราทำผิด หรือคิดถึงความรู้สึกของคนรอบข้างที่อาจได้รับผลกระทบจากความผิดพลาดของเรา และความละอายนี้จะผลักดันให้เรามีความมุ่งมั่นที่จะเรียนรู้ และพัฒนาตนเองให้ดียิ่งขึ้น มีความใส่ใจต่องานเพื่อไม่ให้ผิดพลาด แล้วงานจะออกมาดี มีคุณภาพ มีความผิดพลาดน้อยที่สุดค่ะ
3. ความไม่มั่นใจ ทำให้เราแสวงหาความรู้
แม้ว่าความไม่มั่นใจ จะทำให้เราดูประหม่า ดูไม่เชี่ยวชาญ แต่ความไม่มั่นใจก็จะทำให้เรามุ่งแสวงหาความรู้ในสิ่งที่เรายังไม่มั่นใจ ในสิ่งที่เราไม่รู้ และความไม่มั่นใจก็เป็นสิ่งผลักดันให้เราพัฒนาตนเอง เสริมศักยภาพตนเองด้วยวิธีการต่าง ๆ เพื่อให้เรารู้มากขึ้น มีความสามารถมากขึ้น จนเราเชี่ยวชาญมากขึ้น เมื่อเราเชี่ยวชาญมากขึ้นเราก็จะมั่นใจในตนเองมากขึ้น และกล้าที่จะลงมือทำสิ่งต่าง ๆ จนสำเร็จ
4. ความเปราะบางทางใจ ทำให้เราใส่ใจในความสัมพันธ์
ความเหงา ความเศร้า ความรู้สึกโดดเดี่ยว แม้ว่าจะทำให้เรารู้สึกว่าเราอ่อนแอ แต่ความเปราะบางทางใจเหล่านี้ก็ทำให้เราอ่อนโยนไปพร้อม ๆ กันด้วย เพราะเราจะใส่ใจในทุกความสัมพันธ์อย่างมาก เนื่องจากกลัวว่าจะสูญเสียคนที่รักเราและเรารักไป จึงทำให้เราดูแลคนรอบข้างอย่างดี ใส่ใจและพยายามเข้าใจในทุกความรู้สึก
5. เพราะเคยล้ม จึงรู้วิธีลุก
ไม่มีใครต้องการที่จะเป็นคนแพ้ ทุกคนต้องการได้รับชัยชนะ แต่สำหรับคนที่เคยแพ้ เคยล่ม เคยผิดพลาดมาก่อน จะได้เปรียบคนที่ชนะมาตลอดตรงที่ เขาจะเรียนรู้ว่าเมื่อแพ้ต้องดูแลตัวเองอย่างไร เมื่อล้มต้องทำอย่างไรจึงจะลุกได้ใหม่ และมีภูมิคุ้มกันทางใจที่เข้มแข็ง จนเมื่อเขาได้รับชัยชนะ เขาจะไม่หลงไปกับชัยชนะ เพราะเขาเข้าใจสัจธรรมว่าไม่มีอะไรจีรังยั่งยืน เมื่อได้มาก็เสียไป การดูแลหรือใช้ความสำเร็จที่ได้มาให้เกิดประโยชน์ต่างหากที่สำคัญกว่าชัยชนะ
6 ความคิดว่าเราไม่เก่ง ทำให้เรานอบน้อม
คนที่เก่งมาตลอด และมีคนชื่นชม มักจะมีอัตตา (Ego) สูงมาก จนมองไม่เห็นคนอื่น เกิดความคิดว่าเราเก่ง ทุกคนต้องยอมให้เรา ทุกคนต้องง้อเรา ต้องมาขอความรู้จากเรา ต้องให้เราช่วย ซึ่งนั้นกลายเป็นดาบที่ย้อนกลับมาทำร้ายคนที่เก่งและหยิ่งทระนงตน แต่สำหรับคนที่คิดว่าตนเองไม่เก่ง หรือเก่งไม่พอ จะมีความนอบน้อมสูงมาก ให้เกียรติคนอื่น ซึ่งนั่นทำให้คนรอบข้างเมตตา เอ็นดู และน่าคบหา เพราะมีความเป็นมิตรสูง
7. เราไม่สมบูรณ์แบบ เราจึงรู้คุณค่าของชีวิต
ทั้งในความเป็นจริง และในทางจิตวิทยา เราทุกคนไม่มีใครสมบูรณ์แบบ (Perfect) เพราะเราทุกคนเป็น Limited Edition คือเป็นตัวของตัวเอง มีลักษณะเด่นของตัวเราเอง ที่ขนาดว่าฝาแฝดแท้ยังมีเอกลักษณ์ และอัตลักษณ์ไม่เหมือนกัน ด้วยความไม่สมบูรณ์แบบนี้นี่เอง ทำให้เราตระหนักถึงคุณค่าของชีวิต
เพราะเรามองเห็นว่าแต่ละคนมีคุณค่าเช่นเดียวกัน มีความรู้ ความสามารถ ศักยภาพที่แตกต่าง หลากหลาย แต่ก็สามารถทำคุณประโยชน์ได้เช่นเดียวกัน อีกทั้งเรายังตระหนักว่าชีวิตมีวันหมดอายุ เราจึงใช้ชีวิตอย่างรู้คุณค่า เพราะชีวิตมีความไม่แน่ไม่นอนนั่นเอง
ไม่มีสิ่งมีชีวิตใดในโลกใบนี้ที่เกิดมาสมบูรณ์แบบ และไม่มีสิ่งมีชีวิตใดที่สามารถพัฒนาตนเองไปสู่จุดที่เรียกว่า “สมบูรณ์แบบ” ได้ เพราะความต้องการ ความปรารถนาในจิตใจของคนเราเปลี่ยนแปลงตลอด และมีเพิ่มมากขึ้นตลอดเช่นกัน แต่ถึงอย่างนั้นพวกเราทุกคนก็สามารถใช้ “ความไม่สมบูรณ์แบบ” ของเรา พาเราไปสู่จุดที่เรียกว่า “ดีที่สุด” คือ เป็นตัวเราในแบบที่ดีต่อใจเรามากที่สุดได้ค่ะ
สำหรับใครที่กำลังเครียด กังวล คิดมาก ทั้งเรื่องของปัญหา Burn Out จากการทำงาน ปัญหาความสัมพันธ์ต่างๆ ในครอบครัว คนรัก ไปจนถึงภาวะต่างๆ เช่น ซึมเศร้า ทุกปํญหาสำคัญและเป็นเรื่องใหญ่สำหรับเราเสมอ
iSTRONG ยินดีให้บริการ ปรึกษาด้านสุขภาพจิตโดยผู้เชี่ยวชาญ ทั้งจากจิตแพทย์และนักจิตวิทยา ดูรายละเอียดได้ที่นี่
iSTRONG Mental Health
ผู้ดูแลสุขภาพใจให้กับบุคคล ครอบครัว และองค์กร
บริการของเรา
สำหรับบุคคลทั่วไป
บริการปรึกษา จิตแพทย์และนักจิตวิทยา : http://bit.ly/3lmThUa
คอร์สฝึกอบรมทักษะด้านจิตวิทยา : http://bit.ly/3RQfQwS
สำหรับองค์กร
EAP โปรแกรมสำหรับองค์กร : http://bit.ly/3RLI8Z8
โทร. 02-0268949 หรือ Line : @istrong
บทความแนะนำ :
อ้างอิง : Brené Brown. (2023, February). The power of vulnerability. [Online]. From : https://www.ted.com/talks/brene_brown_the_power_of_vulnerability
ประวัติผู้เขียน : จันทมา ช่างสลัก อดีตนักจิตวิทยาพัฒนาการเด็ก บัณฑิตจิตวิทยาคลินิก เกียรตินิยมอันดับ 2 จากรั้ว มช. และมหาบัณฑิตจาก NIDA ปัจจุบันเป็นคุณแม่ลูก 1 ผู้เป็นทาสแมว ที่มุ่งมั่นจะพัฒนาการเขียนบทความจิตวิทยาให้โดนใจผู้อ่าน และสร้างแรงกระเพื่อมทางสังคม ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในเชิงบวกบนโลกใบนี้
Коментарі