เทคนิคจิตวิทยา 5 สิ่งควรทิ้ง และ 5 สิ่งควรเก็บในการเริ่มปีใหม่
สุขสันต์ปีใหม่ค่ะทุกท่าน เนื่องในโอกาสขึ้นปีใหม่ ปีมังกรทอง ถือว่าเป็นหมุดหมายที่ดีที่เราทุกคนจะเริ่มสิ่งใหม่ ๆ หรือต่อยอดสิ่งที่ดีอยู่แล้วให้ดียิ่งขึ้นไปอีก ซึ่งในปีที่ผ่านมา เราทุกคนล้วนผ่านประสบการณ์ที่หลากหลาย ทั้งสุข ทั้งเศร้า ทั้งดีและร้าย คละเคล้ากันไป และต้องขอชื่นชมเลยว่า คุณเก่งมากเลยค่ะที่ผ่านประสบการณ์เหล่านั้นมาได้ เพราะทุกก้าวที่เราเดิน ทุกการเดินทางของเราล้วนทำให้เราเติบโต และแข็งแกร่ง
และเนื่องในโอกาสปีใหม่เช่นนี้ ดิฉันจึงขอชวนทุกท่านมาทิ้งสิ่งเก่าที่ไม่ดี และเก็บสิ่งที่ดี เพื่อก้าวต่อไปในปีใหม่อย่างสตรองกันนะคะ ด้วยเทคนิคจิตวิทยา 5 สิ่งควรทิ้ง และ 5 สิ่งควรเก็บในการเริ่มปีใหม่ ก่อนอื่นเรามาเริ่มกันที่ 5 สิ่งควรทิ้งกันก่อนเลย โดยทั้งหมดมีดังนี้ค่ะ
1. ทิ้งความผิดหวังในปีเก่าไปเสีย
ความผิดหวังเป็นเรื่องแสนปกติธรรมดาของชีวิต แต่ถ้าเราหวังเรื่องใดเอาไว้มาก ๆ ก็ย่อมเป็นธรรมดาที่ความเสียใจ ความผิดหวังจะรุนแรงมากตามไปด้วย แต่เมื่อชีวิตยังอยู่ก็ก้าวต่อไปค่ะ วันพระไม่ได้มีหนเดียว โอกาสก็ไม่ได้มีหนเดียว เดี๋ยวก็วนกลับมาให้เราได้แสดงฝีมือใหม่ เพราะฉะนั้นเรามาเปลี่ยนความผิดหวังให้เป็นแรงผลักดันให้เราพัฒนาความสามารถและคว้าความสำเร็จมาให้ได้กันดีกว่าค่ะ
2. ทิ้งคนไม่ดีไปให้หมด
หากคุณพบ Toxic People ไม่ว่าจะในที่ทำงาน ในสังคม หรือในครอบครัวก็ตาม สิ่งที่นักจิตวิทยาแนะนำ ก็คือ อย่าไปให้ความสำคัญกับบุคคลเหล่านั้นค่ะ ทิ้งเขาออกไปจากบัญชีรายชื่อบุคคลสำคัญเสีย ปฏิบัติต่อพวกเขาเหมือน “ผี” คือ ต่างคนต่างอยู่ อย่าเบียดเบียนซึ่งกันและกันเลย เมื่อเจอกันน้อยลงโอกาสที่เราจะได้รับพิษจากพวกเขาก็จะน้อยลงไปด้วย
3. ทิ้งนิสัยที่ไม่ดีลงไปเสียหน่อย
นอกจากที่เราจะทิ้งสิ่งไม่ดีรอบตัวที่ทำให้เราเป็นทุกข์ใจออกไปจากชีวิตเรา สิ่งที่เราควรทิ้งต่อมา ก็คือ ทิ้งนิสัยไม่ดีของเราเท่าที่ทำได้ค่ะ เช่น ความขี้หงุดหงิด หัวร้อน เจ้าอารมณ์ ขี้บ่น หรือคิดเล็กคิดน้อย เพราะนิสัยเหล่านี้ทำให้เราดูแย่ และยังทำให้เรากลายเป็น Toxic People ของคนรอบข้างไปอีก เพราะฉะนั้นแล้วขอให้มีสติในการใช้ชีวิตและคอยสังเกตตัวเองอยู่เสมอว่าเรากำลังกลายเป็นคนใจร้าย กลายเป็นคนแบบที่เราไม่ชอบอยู่หรือเปล่า ถ้าเราต้องการให้ชีวิตเราดีขึ้น สิ่งแรกที่เราควรทำ ก็คือ เปลี่ยนตัวเองให้เป็นคนที่ดีขึ้นเสียก่อนค่ะ
4. ทิ้งการทุ่มเทที่เกินกำลัง
หากในปีที่ผ่านมาเราใช้ชีวิตแบบ “Work ไร้ Balance” จนทำให้ชีวิตปั่นป่วน ไม่มีเวลาพักผ่อน จนสุขภาพกายและใจทรุดโทรม ความสัมพันธ์กับคนรอบข้างห่างเหิน แถมสุขภาพการเงินยังย่ำแย่ ปีนี้ถึงเวลาแล้วค่ะที่เราจะได้กลับมาทบทวนตัวเองว่า “สิ่งใดสำคัญกับชีวิตของเรามากที่สุด” และเรียงลำดับความสำคัญในชีวิต เพื่อที่จะได้ทุ่มแรงให้เป้าหมายได้ตรงจุด และเมื่อคุณมีเป้าหมายของชีวิตที่ชัดเจน คุณจะกระจายความทุ่มเทอย่างมีคุณภาพ และความทุ่มเท่ของคุณจะไม่สูญเปล่าอย่างแน่นอนค่ะ
5. ทิ้งความคาดหวังต่อตนเองที่เกินจริง
คนเรามักจะมีตัวตนใน 3 รูปแบบคือ ตัวตนที่ทุกคนรับรู้ว่าเราเป็น ตัวตนที่เรามองเห็นว่าเราเป็น และตัวตนที่เราต้องการจะเป็น หากทั้งสามตัวตนสอดคล้องกัน ก็ไม่ค่อยมีปัญหาอะไรค่ะ เพราะเราจะมีความสุขที่ตัวตนของเราในปัจจุบันตรงกับตัวตนในอุดมคติ และตรงกับการรับรู้ของคนรอบข้าง
แต่ถ้าตัวตนทั้งสามขัดแย้งกัน ทีนี้ก็จะเกิดปัญหาแล้ว เพราะตัวตนในอุดมคติขัดแย้งกับตัวตนจริงในปัจจุบัน แถมยังไม่ตรงกับที่คนอื่นรับรู้อีก นั่นทำให้เรา “ฝืน” ตัวเองมากเกินไปที่จะกลายเป็นคนในอุดมคติของเรา เพราะฉะนั้นเรามาปรับมุมมองต่อตัวเราใหม่ ปรับใจ และปรับความคาดหวังต่อตัวเองให้พอดี จะดีต่อใจเรามากกว่านะคะ
เมื่อเราทิ้งสิ่งที่ไม่ดีให้ปล่อยผ่านไปกับปีแล้ว ขั้นต่อไปที่นักจิตวิทยาแนะนำก็คือ เก็บสิ่งที่ดีเพื่อก้าวต่อไปที่ใหญ่ขึ้นในปีใหม่ ดังนี้ค่ะ
1. เก็บคนที่รักเราไว้ใกล้ตัว
ในสังคมที่ทุกคนกลายเป็นคนแปลกหน้ากัน และคบหากันเพียงเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง การที่เราจะพบเจอคนที่รักเราจริง ๆ หวังดีกับเราจริง ๆ ยากมากค่ะ เพราะฉะนั้นเราจึงควร “รักษา” บุคคลอันทรงคุณค่าต่อชีวิตของเราเอาไว้ให้ดี เพราะไม่ว่าเราจะสุข ทุกข์ เศร้า เหงา หรือประสบความสำเร็จ คนที่รักเราเขาจะอยู่เคียงข้างเราเสมอ และเพื่อที่จะตอบแทนความรักของเขา เราเองก็ควรจะอยู่ในวันที่เขาต้องการเช่นกัน
2. เก็บกัลยามิตรไว้ให้ดี
ในวันที่เราประสบความสำเร็จ “เพื่อน” หาไม่ยากค่ะ เพราะใคร ๆ ก็อยากทำความรู้จักกับเรา แต่ในวันที่เราประสบปัญหา จะทำให้เราได้พบ “มิตรแท้” ที่แสดงความห่วงใย และยื่นมือมาช่วยเหลือเราแม้เราจะไม่เอ่ยปากขอความช่วยเหลือ หากคุณพบบุคคลเช่นนี้ เก็บรัษาเขาไว้ดี ๆ นะคะ
3. เก็บสะสมการพัฒนาตนเอง
สิ่งที่มีค่าที่สุด คือ “ชีวิต” และการที่จะทำให้ชีวิตของเรามีคุณค่ามากยิ่งขึ้น เราควรที่จะเก็บเลเวล หรือหาเวลาไปพัฒนาตนเอง เช่น อ่านหนังสือ ไปเข้าคอร์ส เข้ารับการอบรม เข้ารับการพัฒนาตนเอง ไม่ว่าจะด้านศิลปะ ดนตรี กีฬา หรือเทคนิคการช่วยชีวิตคน อะไรก็ตามที่เราสนใจ หาเวลาไปเพิ่มความรู้ให้ตนเองเท่าที่ทำได้นะคะ แล้วเราจะรู้สึกว่า “มันช่างคุ้มค่าในการใช้ชีวิต” เสียจริง ๆ
4. เก็บเวลาไว้ใช้เพื่อตัวเองบ้าง
เมื่อดิฉันอายุ 35+ รู้ได้อย่างชัดเจนเลยค่ะว่า ร่างกายและจิตใจร่ำร้องหาการพักผ่อนอย่างมาก อาจจะด้วยเราใช้ร่างกายไปกับการทำงานหนัก บวกกับเลี้ยงลูกที่ต้องใช้พลังกายเยอะมาก ไหนจะต้องใช้พลังใจไปกับการผจญความเครียดในชีวิตประจำวัน เพราะฉะนั้นหากมีเวลา ให้เวลากับตัวเองได้พักผ่อน ได้ผ่อนคลายบ้าง ไม่เช่นนั้นแล้วสิ่งที่คุณแบกอยู่มันจะหล่นลงมาทับคุณ จนทำให้คุณป่วยหนัก เมื่อถึงวันนั้นคุณจะเกิดความรู้สึกเสียดาย เสียใจ แต่เราย้อนเวลากลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว
5. เก็บพลังบวกไว้ให้ตัวเอง และเผื่อแผ่ให้คนรอบข้าง
และสิ่งสุดท้ายที่แนะนำให้คุณ “เก็บ” และแบ่งปัน ก็คือ “พลังบวก” ค่ะ เพราะต่อให้โลกใจร้ายกับคุณ แต่คุณยังใจดีกับตัวเอง มองโลกในแง่ดี ไม่โทษตัวเอง ให้กำลังใจตัวเอง มันจะทำให้คุณรู้สึกว่าชีวิตคุณมีค่าที่จะก้าวต่อไป คุณจะมีความหวัง มีพลัง และใส่ใจต่อสิ่งร้าย ๆ น้อยลง แถมยังเผื่อแผ่พลังบวกให้คนรอบข้าง ทำให้คนรอบข้างสามารถสู้ชีวิตต่อไปได้เช่นกันค่ะ
ในปีที่ผ่านมา สำหรับท่านที่ประสบเรื่องดี ๆ ขอให้ปีใหม่นี้ประสบเรื่องดียิ่ง ๆ ขึ้นไป หากท่านผู้ใดประสบความทุกข์ เศร้า เสียใจ ขอให้ปีใหม่นำพาแต่ความสดใสมาสู่ท่านและคนที่ท่านรัก และสุดท้ายนี้ดิฉันขอส่งกำลังใจให้ทุกท่านเติบโตบนเส้นทางชีวิตด้วยความเข้มแข็ง อดทน และมีสตินะคะ ดิฉันและ iSTRONG จะอยู่ตรงนี้ คอยเคียข้างและสนับสนุนด้านสุขภาพจิตให้แก่ทุกท่านเสมอค่ะ
iSTRONG ยินดีให้บริการ ปรึกษาด้านสุขภาพจิตโดยผู้เชี่ยวชาญ ทั้งจากจิตแพทย์และนักจิตวิทยา ดูรายละเอียดได้ที่นี่
iSTRONG Mental Health
ผู้ดูแลสุขภาพใจให้กับบุคคล ครอบครัว และองค์กร
บริการของเรา
สำหรับบุคคลทั่วไป
บริการปรึกษา จิตแพทย์และนักจิตวิทยา : http://bit.ly/3lmThUa
คอร์สฝึกอบรมทักษะด้านจิตวิทยา : http://bit.ly/3RQfQwS
สำหรับองค์กร
EAP โปรแกรมสำหรับองค์กร : http://bit.ly/3RLI8Z8
โทร. 02-0268949 หรือ Line : @istrong
บทความแนะนำ : 9 อุปนิสัยที่ต้องเลิกให้ได้หากต้องการประสบความสำเร็จ
จันทมา ช่างสลัก บัณฑิตจากรั้ว มช. และมหาบัณฑิตจาก NIDA ปัจจุบันเป็นคุณแม่ลูก 1 ผู้เป็นทาสแมว ที่มุ่งมั่นจะพัฒนาการเขียนบทความจิตวิทยาให้โดนใจผู้อ่าน และสร้างแรงกระเพื่อมทางสังคม ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในเชิงบวกบนโลกใบนี้
Commenti