2 min read

นักจิตวิทยาเตือน! 5 สัญญาณความรักเป็นพิษ สังเกตสักนิดก่อนจะกลายเป็นรักร้าย

ก่อนจะหมดเดือนแห่งความรักไป ขอฝากบทความจิตวิทยาความรักไว้อีกสัก 1 บทความนะคะ เกี่ยวกับความรักเป็นพิษ ซึ่งหลาย ๆ บทความ หลาย ๆ สื่อในเดือนนี้มักจะพูดถึงความรักที่สดใส หรือการรักษาความรักให้ยืนยาว แต่ยังไม่ค่อยมีใครพูดถึงความรักร้าย ๆ ความรักเป็นพิษ ซึ่งเป็นความรักที่พบเห็นได้มาก และใกล้ตัวเราจนน่าตกใจ หรืออาจจะเกิดขึ้นกับเราแล้วแต่เราไม่ทันสังเกตเห็นก็เป็นได้ค่ะ กว่าที่เราจะรู้ตัวก็เจ็บตัว เจ็บใจ หรือเสียเงิน เสียทอง เสียชื่อเสียง หรือเสียในสิ่งที่ประเมินค่าไม่ได้ไปกับรักแย่ ๆ เสียแล้ว ดังเช่นในข่าวที่เรารับรู้ ทั้งทำร้ายร่างกาย ข่มขู่ ปล่อยคลิปหลุด แบล็กเมล์ ละอื่น ๆ อีกมากมายที่ก่อให้เกิดบาดแผลทั้งร่างกายและจิตใจของผู้ถูกกระทำ

ด้วยความห่วงใยจาก Istrong ดิฉันจึงขอสรุปถ้อยความของ Katie Hood ผู้เป็น CEO แห่งกองทุน “รักเดียว” ซึ่งก่อตั้งขึ้นมาโดยครอบครัวผู้สูญเสียลูกสาวจากการถูกแฟนหนุ่มของเธอฆาตกรรม และผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยาความสัมพันธ์ ที่ได้เคยกล่าวไว้ในเวที Ted Talk เกี่ยวกับ 5 สัญญาณของความรักเป็นพิษ ดังนี้ค่ะ

1. ความรักที่เข้มข้นจนเกินไป

ถ้าว่ากันด้วยความรักเป็นพิษ ก็ชวนให้นึกถึงคดีฆาตกรรมของคนเคยรักกัน และแน่นอนว่าเมื่อพูดถึงคดีความรุนแรงแนวนี้ เราจะนึกถึงคดีหมอฆ่าภรรยา และ “คดีนวลฉวี” ก็ถือเป็นตำนานของคดีแนวดังกล่าว ซึ่งหนึ่งในหลักฐานที่ไขคดีนวลฉวี ก็คือ ไดอารี่ของคุณนวลฉวีนั่นเอง และนอกจากจะช่วยในการไขคดีแล้ว ในไดอารี่ยังทำให้เราได้รับรู้ถึงความรักที่เข้มข้นจนเกินไป ที่คุณนวลฉวีมีต่อหมออธิป โดยคุณนวลฉวีมีการเรียกร้องความรักจากหมออธิปมากขึ้น และตามติดชีวิตหมอแทบไม่คลาดสายตา ในขณะที่หมอได้ตีตัวออกห่าง เพราะไปปันใจให้นักศึกษาแพทย์คนสวย จึงทำให้เกิดเรื่องราวโศกนาฏกรรมเป็นคดีฆาตกรรมของคนเคยรักขึ้นมา

2. การแยกเราออกจาก Safe Zone

เมื่อเรามีความรักย่อมเป็นธรรมดาที่เราอยากจะใช้เวลาอยู่กับคนที่เรารักให้มากที่สุด แต่ถ้ามันมากจนเกินไปจนล้ำเส้นความเป็นส่วนตัว คือตามติดชีวิตของกันและกันจนแทบจะสิงกันอยู่แล้ว มันก็จะสร้างความอึดอัด กลายเป็นน่ารำคาญ จนทำให้ความรักเป็นพิษได้ เพราะคนรักที่ใกล้ชิดประหนึ่งว่าเป็นชีวิตเดียวกันจะไม่ยอมให้อีกฝ่ายแยกจากไปไหน แม้กระทั่งจะให้เขาได้อยู่กับครอบครัวของเขา ที่เป็น Safe Zone ของเขาเองก็ตาม จึงเกิดเป็นการกักขัง หน่วงเหนี่ยวขึ้นมาตามข่าวที่เราได้รับรู้

3. มีความหึงหวงรุนแรง

มูลนิธิหญิงชายก้าวไกล ได้เปิดเผยข้อมูลที่น่าตกใจเกี่ยวกับสถิติข่าวความรุนแรงในครอบครัวโดยพบว่าข่าวฆาตกรรมของคู่รัก หรือสามี - ภรรยา สูงเป็นอันดับ 1 ตั้งแต่มีการสำรวจในปี พ.ศ. 2555 – ปัจจุบัน โดยลาเหตุหลักของการก่อเหตุมาจากความหึงหวง เกิดความระแวงว่าคนรักจะนอกใจ หรืออีกฝ่ายหนึ่งขอเลิกรา หรือขอคืนดีไม่สำเร็จ และยังพบอีกว่าในขณะก่อเหตุ ผู้ก่อเหตุมักจะอยู่ในสภาพไม่มีสติ คือ มึนเมา เสพยา ดื่มเหล้าเมาหนักมาก จึงทำให้ขาดการยั้งคิด และลงมือก่อเหตุรุนแรงตามมา

4. ไม่ให้เกียรติ ด้อยคุณค่า

นอกจากสาเหตุความรุนแรงในคู่รักจะมาจากความหึงหวงดังที่กล่าวไปในข้อ 3 แล้ว มูลนิธิหญิงชายก้าวไกล ยังพบว่าอีกสาเหตุสำคัญมาจากความไม่เท่าเทียมทางเพศ การกดขี่ทางเพศ จนทำให้เกิดการดูถูกกันในครอบครัว มีการปฏิบัติที่ไม่ให้เกียรติกันอย่างรุนแรง รวมไปถึงการมีทัศนคติว่าการใช้ความรุนแรงในครอบครัวทั้งพฤติกรรม คำพูด เป็นเรื่องปกติ จนนำมาซึ่งการทำร้ายกันในครอบครัวที่ถูกส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่นโดยไม่รู้ตัว และวงจรเลวร้ายนี้จะไม่มีทางจบสิ้นหากเราไม่ทำลายอคติทางเพศที่ไม่เท่าเทียมลงเสียที

5. ความไม่เท่าเทียมทางความรู้สึก

Helen Fisher นักมานุษยวิทยาผู้เชี่ยวชาญทางจิตวิทยาชีวิตคู่ได้กล่าวว่า เคล็ดลับของความรักที่ยืนยาว คือการรักษาสมดุล ของ 3 องค์ประกอบ คือ ความต้องการทางเพศ ความรักโรแมนติก และความผูกพันทางอารมณ์ ของคู่รักให้สมดุลกัน หากฝ่ายใดมีมากเกินไป น้อยเกินไป หรือขาดองค์ประกอบใดองค์ประกอบหนึ่งไป ความรักก็อาจกลายเป็นพิษ ดังเช่นคำคมในภาพยนตร์เรื่อง ชั่วฟ้าดินสลาย ที่ว่า “จงเติมถ้วยของกันและกัน แต่อย่าดื่มจากถ้วยเดียวกัน จงให้ขนมปังแก่กัน แต่อย่ากัดกินจากก้อนเดียวกัน จงยืนอยู่ด้วยกันแต่อย่าใกล้กันนัก เพราะเสาของวิหารนั้นก็ยืนอยู่ห่างกัน และต้นโพธิ์ ต้นไทร ก็ไม่อาจเติบโตใต้ร่มเงาของกันได้”

หากเราดูแลความรักอย่างพอดี รักของเราจะเติบโตอย่างมั่นคง แข็งแรง และมีคุณภาพ แต่ถ้าหากเราดูแล ใส่ใจ เอาใจใส่ความรักของเราน้อยเกินไป ความรักก็จะแห้งเหี่ยวและเฉาตายในที่สุด แต่ถ้าเราให้ความสำคัญกับความรักมากเกินไป จนเราเข้าไปครอบครอง คุกคามชีวิตของคนที่เรารัก “นั่นไม่ใช่ความรัก” มันคือการที่เราต้องการจะควบคุมชีวิตของอีกฝ่ายให้เป็นไปตามใจเรา และสุดท้ายมักจะจบไม่สวยค่ะ ที่แย่ที่สุดก็คือไม่เขาก็เราอาจจะกลายเป็นฆาตกรทำร้ายกันเองในท้ายที่สุด

สำหรับใครที่กำลังเครียด กังวล คิดมาก ทั้งเรื่องของปัญหา Burn Out จากการทำงาน ปัญหาความสัมพันธ์ต่างๆ ในครอบครัว คนรัก ไปจนถึงภาวะต่างๆ เช่น ซึมเศร้า ทุกปํญหาสำคัญและเป็นเรื่องใหญ่สำหรับเราเสมอ

iSTRONG ยินดีให้บริการ ปรึกษาด้านสุขภาพจิตโดยผู้เชี่ยวชาญ ทั้งจากจิตแพทย์และนักจิตวิทยา ดูรายละเอียดได้ที่นี่

iSTRONG Mental Health

ผู้ดูแลสุขภาพใจให้กับบุคคล ครอบครัว และองค์กร

บริการของเรา

สำหรับบุคคลทั่วไป

• บริการปรึกษา จิตแพทย์และนักจิตวิทยา : http://bit.ly/3lmThUa

• คอร์สฝึกอบรมทักษะด้านจิตวิทยา : http://bit.ly/3RQfQwS

สำหรับองค์กร

• EAP โปรแกรมสำหรับองค์กร : http://bit.ly/3RLI8Z8

โทร. 02-0268949 หรือ Line : @istrong

บทความแนะนำ

[1] จิตวิทยาความรัก : เรียนรู้ที่จะรักกับ 7 เทคนิคการรักอย่างมีคุณภาพ จากภาพยนตร์ดัง

[2] คุณกำลังถูกแฟน gaslighting อยู่หรือไม่ และทำยังไงหากอยากจะเลิกกับแฟนแบบนี้

[3] หึงหวงรุนแรงเกินไป อาจเข้าข่ายมีอาการของ Othello Syndrome

อ้างอิง

[1] Katie Hood. (May, 2019). The difference between healthy and unhealthy love. [Online]. From : https://www.ted.com/talks/katie_hood_the_difference_between_healthy_and_unhealthy_love

[2] Work point Today. (10 ตุลาคม 2565). ถอดรหัส จากความรักสู่ฆาตกรรมในไทย แนวโน้มสูงขึ้น สาเหตุหลัก หึงหวง เหล้า ยาเสพติด. [ออนไลน์]. สืบค้นเมื่อ 21 กุมภาพันธ์ 2566 จาก https://workpointtoday.com/domestic-violence-2/

ประวัติผู้เขียน : จันทมา ช่างสลัก อดีตนักจิตวิทยาพัฒนาการเด็ก บัณฑิตจิตวิทยาคลินิก เกียรตินิยมอันดับ 2จากรั้ว มช. และมหาบัณฑิตจาก NIDA ปัจจุบันเป็นคุณแม่ลูก 1 ผู้เป็นทาสแมว ที่มุ่งมั่นจะพัฒนาการเขียนบทความจิตวิทยาให้โดนใจผู้อ่าน และสร้างแรงกระเพื่อมทางสังคม ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในเชิงบวกบนโลกใบนี้