เมื่อ Social Online เป็นพิษ พักสักนิดมาทำ 5 เทคนิคจิตวิทยา Social Detox
ในทุกวันนี้ นอกจากเราจะต้องเผชิญกับสภาวะความเครียดจากการทำงาน สภาวะความเครียดจากการใช้ชีวิต เรายังต้องพบเจอกับสิ่งที่เป็นพิษต้องใจเรามากมาย ทั้ง Toxic People รวมไปถึง Social Toxic ที่สามารถตามเราไปได้ทุกที่ทุกเวลา เท่าที่มีสัญญาณโทรศัพท์ นั่นทำให้เราเกิดความรู้สึกแย่ ๆ เวลาเข้าสู่โลกออนไลน์ ไม่ว่าจะหลอนเสียงไลน์เพราะถูกตามงานไม่เป็นเวลา รู้สึกเครียดกับข่าวสารบ้านเมืองที่มีความน่ากลัว และรุนแรงมากขึ้น หรือที่หนักที่สุดคือ การต้องมารับรู้ว่าเรากำลังถูก Social Bullying เพราะการกลั่นแกล้งกันในโลกออนไลน์แพร่กระจายไวมาก และลบล้างได้ยากมาก ซึ่งที่ว่ามาข้างต้นดิฉันก็ได้พบเจอมาทั้งหมด และเข้าใจได้ดีว่า Social Toxic เหล่านั้นทำร้ายสุขภาพจิตเรามากขนาดไหน
มาถึงตรงนี้ คุณอาจสงสัยว่า แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าเรากำลังเผชิญกับภาวะ Social Toxic อยู่ ซึ่งผู้เชี่ยวชาญทางจิตวิทยาจากสถาบันสุขภาพจิตเด็กและวัยรุ่นราชนครินทร์ ได้เสนอข้อสังเกตไว้ 7 ข้อด้วยกัน ดังนี้ค่ะ
1. เกิดความเครียดเมื่อเข้าสู่โลกออนไลน์
เมื่อเข้าสู่โลกออนไลน์แล้วเกิดความรู้สึกเครียด ไม่สบายใจ กังวลใจอย่างมาก จนถึงขั้นนอนไม่หลับ ไม่อยากออกจากบ้านไปพบปะผู้คน เพราะเห็นข่าวอาชญากรรมในสังคม แล้ววิตกกังวลว่าจะเกิดเรื่องร้ายกับเราเช่นในข่าว หรือเมื่อเรารับรู้ข่าวสารโลกระบาดที่กลับมารุนแรงอีกครั้ง แล้วหวาดกลัวจนไม่สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ หรือถูก Social Bullying จนเกิดความรู้สึกอยากเก็บตัวเองออกจากสังคม ไม่อยากพบหน้าใคร เพราะกลัวว่าเขาจะเห็นสิ่งที่เราถูก Bully หากเกิดความเครียดเช่นนี้ แสดงว่าเรากำลังเข้าข่าย Social Toxic อยู่ค่ะ
2. รู้สึกแย่เมื่อรับรู้ข้อมูลบางอย่าง
หากเราไปพบเจอข่าวสารบางอย่าง หรือข้อความบางข้อความ หรือภาพบางภาพ แล้วกระทบกับความรู้สึกของเราอย่างรุนแรง เช่น เกิดความรู้สึกสะเทือนใจ เศร้าใจ หรือหดหู่ใจ เป็นทุกข์ใจอย่างมาก นั่นเป็นสัญญาณบอกว่าเรากำลังเจอ Social Toxic อยู่ค่ะ เราต้องรีบพักก่อนที่พิษจากสังคมออนไลน์จะกัดกินเรามากจนเกิดโรคซึมเศร้า หรือโรคทางจิตเวชอื่น ๆ ตามมา
3. ความมั่นใจในตนเองลดลงอย่างมาก
เมื่อคนเราถูก Social Bullying บ่อย ๆ ต่อให้เข้มแข็ง หรือแข็งแกร่งแค่ไหน ก็มีสะเทือนค่ะ เพราะเมื่อเราเจอคนที่แม้จะไม่เคยรู้จักกันมาก่อน แต่มีจำนวนมาก แล้วมาย้ำ ๆ ซ้ำ ๆ ถึงปมด้อยของเรา เราก็จะเสียความมั่นใจไป หากไม่รีบทำ Social Detox เราอาจจะกลายเป็นคนเก็บตัว กลัวสังคมไปเลยก็ได้ค่ะ
4. เป็นทุกข์
หากการเข้าสู่สังคมออนไลน์ทำให้เราเป็นทุกข์ทางใจ และทำให้เราเสียความเป็นตัวของตัวเองไป ไม่สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ เพราะเราเกิดความรู้สึกทางลบต่อโลก ต่อสังคม ต่อตัวเราเอง นั่นเป็นสัญญาณเร่งด่วนว่าเราเป็น Social Toxic ที่ต้องทำ Social Detox อย่างเร่งด่วนค่ะ
5. กังวลว่าจะเกิดเรื่องไม่ดีกับตนเอง
การรับรู้ข่าวสารทางลบทางสื่อออนไลน์หรือทางไหนก็ตามบ่อยครั้งเข้า หรือความเข้มข้นของข่าวนั้นรุนแรงมากขึ้น หลายคนก็จะเกิดความวิตกกังวล และคิดมากว่าเรื่องร้ายนั้นอาจเกิดกับเรา จนเกิดความกลัว ไม่กล้าออกไปใช้ชีวิตในสังคม กลายเป็นคนกลัวสังคม หากปล่อยทิ้งไว้เรื้อรัง นานเข้าเพียงแค่มีใครพูดถึงเรื่องดังกล่าวเราก็หวาดกลัวแล้ว
6. ปวดกล้ามเนื้อ ปวดนิ้ว ข้อมือ แขน คอ บ่า ไหล่
การปวดกล้ามเนื้อ ปวดนิ้ว ข้อมือ แขน คอ บ่า ไหล่ อาจไม่ใช่สัญญาณของ Office syndrome แต่เพียงอย่างเดียว ยังเป็นสัญญาณบอกว่าเรากำลังเครียด และมีความเป็นไปได้สูงว่าสาเหตุของความเครียดมาจากสื่อออนไลน์ เพราะเราสามารถเข้าถึงได้ง่าย เข้าถึงได้ไว และสามารถเข้าถึงได้ตลอดเวลา
7. ปวดศีรษะ ปวดตา
อาการปวดศีรษะ ปวดกระบอกตา มักจะเป็นอาการเริ่มต้นของโรคไมเกรน บ้านหมุน และน้ำในหูไม่เท่ากัน ซึ่งโรคยอดฮิตเหล่านั้น มีสาเหตุมาจากความเครียด และหากเกิดขึ้นในช่วงที่เราท่องโลกออนไลน์ หรือเข้าสังคมออนไลน์ ก็อาจเป็นไปได้ว่าเรากำลังเจอ Social Toxic
จาก 7 สัญญาณข้างต้นจะเห็นได้ว่า Social Toxic ไม่ได้ส่งผลต่อเราเพียงแค่จิตใจเท่านั้น แต่ยังส่งผลไปถึงสุขภาพร่างกาย และความสัมพันธ์กับคนรอบข้างอีก ซึ่งผู้เชี่ยวชาญทางจิตวิทยาก็ได้แนะนำ 5 เทคนิคจิตวิทยาในการทำ Social Detox ไว้ดังนี้ค่ะ
1. รับรู้น้อยเท่าไรยิ่งดี
หากการรับรู้ข่าวสารต่าง ๆ ทำให้เราทุกข์ใจ การอยู่ห่างจากโลกออนไลน์บ้าง ก็จะช่วย Detox จิตใจให้เราสงบได้มากขึ้นค่ะ เพราะบ่อยครั้งที่เราพบว่าบางข่าวที่โหมประโคมมากจนเกินไป สุดท้ายก็ไม่ได้น่ากลัวเช่นที่เรากังวล หรือบางเรื่องพอส่งต่อ ๆ กันมาความรุนแรงในเนื้อหาก็จะเพิ่มขึ้น จนทำให้เรากลัว ทั้ง ๆ ที่เรื่องจริงแล้วไม่ได้มีอะไรเลย เพราะฉะนั้นรู้เท่าที่จำเป็น และรับข่าวอย่างมีสติ
2. เข้าโลกออนไลน์เป็นเวลา
การจำกัดเวลาในการเข้าโลกออนไลน์นั้น นอกจากจะช่วยจำกัดการรับสารพิษที่มาพร้อมสื่อออนไลน์ให้แก่เราแล้ว ยังช่วยทำให้เรามีเวลาชีวิตมากพอที่จะสร้างประโยชน์ให้ตัวเอง และมีเวลาคุณภาพร่วมกับคนที่เรารัก เช่น ไปเที่ยวนอกบ้าน ไปลงคอร์สฝึกอบรม ดูแลคนที่เรารัก นอกจากจะทำให้เราห่างออกจาก Social Toxic แล้ว ยังช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันทางใจให้เราได้ด้วยค่ะ
3. กำหนดตารางในการทำ Social Detox
จริง ๆ แล้ว หากเราสามารถทำ Social Detox ได้ทุกวันจะดีมากค่ะ เพราะจะช่วยลดสารพิษไปจากใจเราได้มากโขเลย แต่ในความเป็นจริงที่เรายังต้องทำงานอยู่ ก็มีความจำเป็นในการเข้าโลกออนไลน์เพื่อติดต่อสื่อสารกับบุคคลอื่น ดังนั้น เพื่อรักษาสุขภาพจิตให้เข้มแข็ง เราควรมีอย่างน้อยวันหนึ่งในสัปดาห์ที่เราทำ Social Detox เพื่อให้จิตใจได้ผ่อนคลาย ลดความเครียดค่ะ
4. ออกไปทำกิจกรรมในโลกจริงบ้าง
หากโลกออนไลน์ทำร้ายเรา หากคนที่เราไม่รู้จัก Social Bullying เรา แนวทางที่นักจิตวิทยาแนะนำ ก็คือ ขอให้ถอยห่างออกมาจากโลกออนไลน์ แล้วมาอยู่กับโลกความเป็นจริง มาใช้เวลาอยู่กับคนจริง ๆ ที่รักเรา เข้าใจเรา และคอบเป็น Safe zone ให้เราดีกว่าค่ะ
5. ปิดทุก Social ก่อนนอน
และเทคนิคที่สำคัญที่สุด ก็คือ การปิดรับทุก Social ก่อนเข้านอน เพราะหากเรายังเข้าโลกออนไลน์จนหลับ สมองเราจะทำงานหนักมากค่ะ คิดมาก คิดฟุ้งซ่าน ทำให้ฝันร้าย การนอนไม่มีคุณภาพ พอตื่นมาเราก็จะเหนื่อย แล้วก็จะกลายเป็นเครียดสะสม ซึ่งจะนำไปสู่โลกอื่น ๆ ต่อไปได้
เมื่อร่างกายหรือจิตใจของเราได้รับพิษ เราย่อมเกิดความทุกข์ใจ ไม่สบายใจ และหากไม่รีบ Social Detox มันจะสะสมและกัดกร่อนจนทำให้เราเกิดโรคทางจิตเวช และโรคทางร่างกายที่รุ่นแรงและเรื้อรังตามมาได้ จึงหวังว่าเทคนิคจิตวิทยาในการทำ Social Detox ที่ได้แนะนำทั้ง 5 เทคนิคนั้นจะช่วยดูแลรักษาจิตใจให้แก่คุณได้นะคะ
iSTRONG Mental Health
ผู้ดูแลสุขภาพใจให้กับบุคคล ครอบครัว และองค์กร
บริการของเรา
สำหรับบุคคลทั่วไป
• บริการปรึกษา จิตแพทย์และนักจิตวิทยา : http://bit.ly/3lmThUa
• คอร์สฝึกอบรมทักษะด้านจิตวิทยา : http://bit.ly/3RQfQwS
สำหรับองค์กร
• EAP โปรแกรมสำหรับองค์กร : http://bit.ly/3RLI8Z8
โทร. 02-0268949 หรือ Line : @istrong
บทความแนะนำ : เสพติดการอ่านข่าวร้ายทั้งที่รู้ว่ามันไม่ดีต่อใจ คุณอาจเข้าข่ายมีพฤติกรรม ‘Doomscrolling’
อ้างอิง : สถาบันสุขภาพจิตเด็กและวัยรุ่นราชนครินทร์. (พฤศจิกายน 2565). เสพออนไลน์มากไปมาทำ Social Detox กันเถอะ. [ออนไลน์]. สืบค้นเมื่อ 28 พฤศจิกายน 2565 จาก https://www.thaimediafund.or.th
ประวัติผู้เขียน : จันทมา ช่างสลัก คุณแม่ของลูก 1 คน แมว 1 ตัว ที่พยายามใช้ความรู้ทางจิตวิทยาที่ร่ำเรียนมาและประสบการณ์การทำงานด้านจิตวิทยาพัฒนาการเด็ก มาสร้างความสุขในการใช้ชีวิต ดูแลครอบครัว และการทำงาน รวมถึงมีความสุขกับการได้เห็นว่าบทความจิตวิทยาที่เขียนไปมีประโยชน์กับคนอ่าน
Comments