3 เทคนิคเปลี่ยนความเครียดให้เป็นพลังเพื่อความสำเร็จ
ความเครียดเป็นเรื่องธรรมดาที่เกิดขึ้นได้กับทุกคน ถึงแม้ว่าจะไม่มีใครอยากเครียด หรือชอบความเครียด ต่อให้เราจะพยายามรับรู้อารมณ์ความรู้สึก และมีสติ ก็ยากที่เราจะมีชีวิตอยู่โดยปราศจากความเครียดได้เลย โดยเฉพาะในโลกปัจจุบัน ที่เราต้องเผชิญกับการแข่งขันทางธุรกิจที่สูงมากขึ้นทุกวัน ทำให้เราหลีกเลี่ยงจากภาวะความเครียดได้ยากมาก
แต่อย่างไรก็ตาม แทนที่เราจะให้ความเครียดที่เกิดขึ้นมาทำลายสุขภาพร่างกาย และจิตใจของเรา เราสามารถที่จะเปลี่ยนมันเป็นพลังในการขับเคลื่อนชีวิตเราไปข้างหน้า ให้เราสามารถมีแรงกายและแรงใจมาลงมือทำในสิ่งต่างๆ เพื่อประสบความสำเร็จอย่างที่เราตั้งใจไว้ได้
ความเครียด คือ ภาวะที่ร่างกายถูกปลุกเร้าด้วยความกลัว โดยเฉพาะเมื่อเราไม่รู้ว่าสิ่งที่จะเกิดขึ้นข้างหน้าจะเป็นอย่างไร สัญชาตญานของเราจะสั่งให้เราระวังภัย และเตรียมต่อสู้ ความเครียดในปริมาณเล็กน้อย จะช่วยเป็นแรงผลักดันให้คนเราลุกขึ้นมาทำสิ่งต่างๆ ได้ดีมากยิ่งขึ้น ในขณะที่ความเครียดที่มากเกินไป จะส่งผลต่อสุขภาพของบุคคลนั้นๆ ได้
เราไม่สามารถความคุมปริมาณความเครียดที่จะเกิดขึ้นกับตัวเราได้ แต่เราสามารถใช้มันเป็นเครื่องมือในการผลักดันให้เราประสบความสำเร็จในสิ่งที่เราต้องการได้ วันนี้แพรมี 3 วิธีการเปลี่ยนความเครียด เป็นพลังเพื่อความสำเร็จ มาฝากกันค่ะ
1.ระบุถึงสาเหตุของความเครียด
นักวิจัยจากทีมประสาทวิทยาได้ค้นว่า การที่เรารับรู้ความเครียดที่เกิดขึ้นกับตัวเราสามารถเปลี่ยนความรู้สึกกังวล และตื่นกลัว ให้กลายมาเป็นความต้องการจัดการกับปัญหาได้ อย่างแรกเลย เราต้องมีสติรู้ทันความรู้สึกของตัวเองก่อนนะคะ หลังจากนั้นให้หาสาเหตุที่ทำให้เราเกิดความเครียด และหาทางจัดการกับปัญหา ตัวอย่างเช่น เราเครียดเรื่อง การนำเสนองานให้กับลูกค้าในสัปดาห์หน้า เราอาจจะต้องมานั่งคิดว่า อะไรคือสาเหตุที่แท้จริงของความเครียด? เช่น เราอาจ กังวลว่า ลูกค้าจะไม่ชอบงานของเรา ซึ่งหน้าที่ของเราที่ทำได้ คือ พยายามเข้าใจความต้องการของลูกค้าให้มากที่สุด และลงมือทำงานนั้นๆ ให้ดีที่สุด หากสุดท้ายแล้ว ลูกค้าไม่ชอบ ก็ให้เข้าใจว่า มันนอกเหนือจากการควบคุมของเรา แต่เราได้พยายามในส่วนของเราอย่างดีที่สุดแล้ว เป็นต้น
2. แยกความเครียดออกเป็นส่วนเล็กๆ
ข้อนี้สืบเนื่องมาจากข้อแรกค่ะ ถ้าเราเห็นความเครียดของเรา ว่าจริงๆ มันคือเรื่องการนำเสนอลูกค้าในสัปดาห์หน้า แต่จริงๆ แล้วมันมีจากหลายๆ สาเหตุรวมๆ กัน นอกเหนือจากแค่ ความกังวลในความต้องการของลูกค้า เราอาจจะมีความเครียดในเรื่องของการทำงานของทีมงาน ปัญหาครอบครัวที่จะมีผลกระทบต่องาน ฟังดูแล้วมีปัญหาหลากหลายด้านเลยซึ่งส่งผลต่องานนี้ ให้เราแยกมันออกเป็นข้อๆ แล้วค่อยๆ จัดการมันเป็นส่วนๆ การที่เราสามารถระบุปัญหา หาทางแก้ และลงมือทำ จะช่วยลดความเครียดของเราได้อย่างมาก
3.แปลเปลี่ยนความเครียดที่หาสาเหตุไม่ได้ให้เป็นข้อเท็จจริง
เวลาที่เราเครียดกับเรื่องอะไรเป็นเวลานานๆ มันจะส่งผลกระทบต่อด้านอื่นๆ ของชีวิต เว้นเสียแต่ว่าเราจะระบุได้ว่า สาเหตุของความเครียดของเราคืออะไร แล้วเราจะจัดการแต่ละปัญหาได้อย่างไร การใส่ timeline ให้กับการจัดการปัญหาต่างๆ จะทำให้เราเห็นได้ชัดเจนขึ้นว่าปัญหาต่างๆ นั้นจะจบลงอย่างไร อย่าลืมนะคะ ว่าเราเป็นเจ้าของตัวเรา ความคิดเรา และชีวิตของเรา
มีผลงานวิจัยของมหาวิทยาลัย Rochester ที่ได้ทดลองกับนักเรียนสองกลุ่ม กลุ่มแรก เป็นนักเรียนที่มองความเครียดเป็นแรงผลักดันให้กระตือรือร้นในการเตรียมตัวในการทำข้อสอบให้ดี กับอีกกลุ่มหนึ่งที่ไม่สามารถจัดการกับความเครียดได้ นั่นคือเครียด แต่ไม่ทำอะไรให้ดีขึ้น พบว่า นักเรียนกลุ่มแรก สามารถทำคะแนนได้ดีกว่านักเรียนกลุ่มที่สอง แม้ว่า ความสามารถทางวิชาการไม่ได้ต่างกัน
ในโลกใบนี้ คนที่ประสบความสำเร็จมากๆ ล้วนผ่านปัญหา และอุปสรรคมามากมาย ถ้ามองในภาพของประเทศ อย่างเช่น ญี่ปุ่น หรือเยอรมันนี ซึ่งเป็นประเทศที่แพ้สงครามแบบแทบไม่เหลืออะไรเลย แต่เขาสามารถนำประเทศของพวกเขากลับมาเป็นผู้นำทางด้านเศรษฐกิจของโลกได้อีกครั้ง แพรเชื่อว่า ประเทศเหล่านี้ก็ใช้ความเครียด ปัญหาต่างๆ ที่เขามี มาเป็นแรงผลักดันเพื่อทำให้ตัวเองประสบความสำเร็จเป็นประเทศมหาอำนาจได้อีกครั้ง
ในแง่ของบุคคล แพรก็เชื่อว่า เราสามารถจัดการกับชีวิตของเราได้ เราอาจไม่สามารถควบคุมเรื่องราวที่จะเกิดขึ้นกับเราได้ รวมถึงเราเป็นมนุษย์ปุถุชนที่มีความรู้สึก ก็ยากที่จะไม่มีความเครียดเลย เมื่อเจออุปสรรคในชีวิต แต่ขอให้มีสติ และใช้ความเครียดนั้นเป็นแรงผลักดันแทนที่จะทำร้ายตัวเองนะคะ
コメント