ความสุขสร้างได้
โลกเราทุกวันนี้เต็มไปด้วยความสะดวกสบายต่างๆนานา แต่ยังมีอยู่อย่างที่เงินยังซื้อไม่ได้นั่นคือ “ความสุข” ในทางกลับกันถ้าไม่มีเงินความสุขคงไม่มาแน่ๆ นี่ก็เป็นความจริงที่น่าปวดใจ วันนี้เมย์ได้มีโอกาสไปฟังเรื่องราวดีๆ จนอยากจะมาเล่าสู่กันฟัง เพราะนอกจากจะได้กระตุ้นต่อมความสุขให้ทำงานยังแอบทำให้รู้สึกเล็กๆว่า ความสุขเนี่ย จริงๆ ไม่ต้องใช้เงินมันก็สร้างได้นะและที่สำคัญมันส่งต่อได้ด้วย ....
ว่าแต่ คุณเชื่อไหม?
ความจริงคำถามเริ่มต้นจาก Ultimate Goal (เป้าหมายสูงสุดในชีวิต) ของแต่ละคนคืออะไร ต่างคนต่างให้คำตอบมากมาย แต่สุดท้ายก็ไม่พ้นเรื่องของ “สุขภาพ ครอบครัว และความสุข”
ใช่ค่ะ... เป้าหมายสุดท้ายของทุกคนคืออยากมีความสุข แล้วที่เราทำงานทุกวันนี้เรามีความสุขกันบ้างรึเปล่า เราแทบจะไม่เคยเห็นเลยหรือน้อยครั้งมากที่จะเห็นคนที่เดินออกจากรถไฟฟ้าด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มเลย หรือ เห็นคนเริ่มต้นการทำงานด้วยอารมณ์ “โอ๊ย ดีใจจัง วันจันทร์อีกแล้ว” ซึ่งท้ายที่สุดแล้วเมื่อวัยเกษียณมาถึง เราทุกคนต่างอยากมีความสุขกันทั้งนั้น แต่สิ่งที่ทำทุกวันนี้นำพาเราไปสู่ความสุขกันได้รึยัง?
มีงานวิจัยที่ทำการทดลองเกี่ยวกับการแบ่งปันความสุขว่าสามารถส่งต่อถึงกันได้หรือไม่ และความสุขนั้นสามารถอยู่ได้นานเท่าไหร่ โดยแบ่งคนเป็น 2 กลุ่มพร้อมแจกเงินคนละ 20 ดอลล่าห์ พร้อมให้โจทย์ว่า
กลุ่มที่ 1 ให้แต่ละคนเอาเงินไปซื้ออะไรก็ได้ที่ตัวเองอยากได้
กลุ่มที่ 2 ให้เอาไปทำอะไรก็ได้เพื่อคนอื่น
ผลการทดลองปรากฎว่า ภายใน 1 สัปดาห์ กลุ่มที่ 1 แทบจะจำไม่ได้เลยว่าตนเองเอาเงิน 20 ดอลล่าห์ไปใช้ทำอะไร บางคนจำได้แค่เอาไปทานข้าวหนึ่งมื้อ เอาซื้อขนม ซื้อของเล่น ซื้อเสื้อผ้า ในขณะที่คนจากกลุ่มที่ 2 กลับสามารถเล่าให้ฟังถึงการเอาเงิน 20 USD ที่ได้มาไปทำอะไรบ้าง เช่น ซื้อของไปแจกเด็กด้อยโอกาส เอาไปเลี้ยงขนม เลี้ยงข้าวคนยากไร้ หรือซื้อไอศกรีมโคนละ 50 เซนต์ให้เด็กทานได้ถึง 40 คน และที่สำคัญคนกลุ่มที่ 2 ยังได้ซึมซับความรู้สึกนั้นและแบ่งปันความสุขจากการให้เหล่านั้นจนถึงวันที่คณะนักวิจัยมาคุยอยู่ด้วยเลย ดังนั้นผลการวิจัยจึงสรุปได้ว่า การแบ่งปันความสุขให้คนอื่นนั้นสร้างความยั่งยืนได้มากกว่าการให้ความสุขต่อตัวเอง และที่สำคัญมันสามารถต่อยอดความสุขต่อๆกันไปได้ด้วย
เมื่อพูดถึงความสุขแล้วอดที่จะไม่พูดถึงหนังเรื่องนี้ไม่ได้ เรื่อง “Pay it forward” เป็นหนังที่ค่อนข้างเก่าแล้วล่ะค่ะ แต่ว่าเป็นหนังที่ดูเมื่อไหร่ก็รู้สึกประทับใจ เพราะเป็นเรื่องราวการส่งต่อความดีพร้อมมอบความสุขไปในตัว การวางสมการความสุขโดยเด็กประถมที่เขามองว่า ถ้าการทำความดีของคน 1 ส่งต่อไป 3 คน และคนนั้นทำต่อไป และทำต่อไปเรื่อยๆอีกคนละ 3 คน มันจะสามารถขยายต่อกันได้เป็นหลายเท่าทวีคูณประหนึ่งระเบิดปรมาณูเลยทีเดียว เพียงแต่ว่า ... มันเป็นระเบิดปรมาณูแห่งความสุขที่จะส่งต่อกันไป
"เรื่องราวความสุข เรื่องราวความดี เมื่อเราได้รับ เราก็พร้อมที่จะส่งต่อไปให้คนอื่นๆได้อีกมากมายไม่ใช่แค่เราคนเดียวเท่านั้น แต่มันยังมีพลังมากพอที่จะดึงดูดคนที่มีความสุขเข้าหาเราด้วย และมันไม่ใช่แค่การเปลี่ยนเรา แต่มันยังมีพลังมากพอที่จะเปลี่ยนโลกนี้ได้ด้วย"
หากเราจะสังเกตุ มนุษย์หน้ายิ้มและมีความสุข เขามักจะมีออร่า ที่ทำให้คนรอบข้างเค้ามีความสุขไปด้วยและด้วยความ Positive นี่เอง ที่ทำให้ใครๆที่คุยกับเค้ามีความสุขไปตามๆกัน ดังนั้น ถ้าเราอยากจะมีความสุข เคล็ดลับง่ายๆที่เมย์ขอเริ่มแนะนำให้เอามาใช้ และทำได้จริงคือ
“เริ่มยิ้ม เพิ่มชม ลดบ่น”
3 คำง่ายๆ ที่เราสามารถใช้ได้ในชีวิตประจำวัน แล้วชีวิตคุณจะง่ายมากขึ้นทีเดียวค่ะ
“เริ่มยิ้ม” ถามว่า... บ้ารึเปล่า อยู่ๆให้ไปยิ้มให้ใครต่อใคร ไม่บ้าหรอกค่ะ แต่สังเกตุสิคะ ถ้าเราไปยิ้มให้ใครก่อน .. ไม่มีใครด่าเรากลับหรอกค่ะ อย่างมากก็น่าจะพูดว่า .... “ยิ้มบ้าไรเนี่ย” พร้อมกับหัวเราะให้เรา และยิ้มกลับให้เราอยู่ดี การเริ่มยิ้มทางจิตวิทยาเปรียบเหมือนการเปิดประตู ต้อนรับ สร้างมิตรจิต มิตรใจ ใครๆก็อยากเข้าหา งานยากก็กลับมาง่าย งานง่าย ก็ทำให้มีความสนุกมากขึ้น แล้วด้วยเหตุผลอะไร ทำไมเราถึงไม่ยิ้มกันล่ะคะ
“เพิ่มชม” ต้องถามก่อนว่า ปกติเราเป็นคนชื่นชมคนอื่นรึเปล่า ด้วยธรรมชาติคนไทยเรามักด่าคนอื่นเสียงดังและชมคนอื่นเบา อยากให้คิดใหม่และทำใหม่นะคะ คือ ถ้าจะต่อว่าใครแอบไปต่อว่ากันสองคนเบาๆในที่ลับ แต่หากจะชมใครทำตรงข้ามคือ พูดดังๆให้โลกรู้ไปเลยคะ (อันนี้บางองค์กรทำเป็นโครงการทำดีให้โลกรู้เลยนะคะ ไว้จะมาเล่าให้ฟังวันหลังคะ) ถ้าเรายังทำน้อย ขอให้ทำให้มากขึ้น ถ้ายังไม่เคยทำ อยากให้ลองค่ะ แล้วจะรู้ว่ามันดีจริงๆ วิธีง่ายๆ ... ยิ่งสมัยนี้ด้วย อุปกรณ์ต่างๆช่างอำนวยความสะดวก ลองเริ่มต้นพรุ่งนี้เลย นึกถึงคนใกล้ตัวคุณสักคนแล้วส่งอีเมล์หาเขาอย่างตั้งใจ ชื่นชม ขอบคุณเขาอย่างจริงใจสักหนึ่งเรื่อง .... เชื่อไหมคะ วันนั้นจะเป็นวันที่ดีที่สุดวันนึงของเขาเลยทีเดียว และเช่นกันเราก็จะมีความสุขจากการชื่นชมเขาเหมือนกัน
“ลดบ่น” พูดง่ายแต่ทำยากจังเลย ข้อนี้ ... แต่ทุกครั้งที่เราบ่นก็เหมือนเราถอนหายใจ เคยได้ยินไหมคะ ว่าทุกครั้งที่ถอนหายใจ ... ความสุขจะหายไปหน่อยนึง ยิ่งถอนหายใจเยอะ ความสุขก็จะหายไปมาก ... แต่เพื่อให้จับต้องได้ พอจะบ่นแต่ละครั้งให้ลองคิดทันที สติมาๆๆๆๆ ไม่บ่นดีกว่าแล้วสักพักเราก็จะลืมไปเองคะ พอมีสติ สมาธิเราก็มา อารมณ์เราก็จะไม่ขุ่นมัว ความทุกข์ก็จะหายไป ความสุขจะเข้ามาแทนที่ เรื่องอะไรที่อยู่ดีๆจะเอาความทุกข์มาใส่ตัวละคะ
ฝากไว้เบาๆ สำหรับการสร้างความสุขสำหรับทุกคนนะคะ .... ค่ะ
เมย์