top of page
GDN 980 x 120 psychiatrist.jpg

10 เทคนิคจิตวิทยาในการเสริมการงานให้สุดปัง โดยไม่ต้องมูเตลู


สุขสันต์ปีใหม่ค่ะทุกท่าน และเป็นธรรมเนียมปกติที่เมื่อถึงช่วงเวลาเปลี่ยนผ่านดังเช่นเทศกาลปีใหม่ เรามักจะเสริมการงาน เสริมชีวิตให้ดีขึ้นโดยการไปทำบุญ ทำทาน และการมูเตลู หรือบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิที่เราเคารพ และหวังพึ่งพิง และคำขอพรยอดฮิต ก็คือ เรื่องเงิน เรื่องความรัก เรื่องงาน และเรื่องสุขภาพ แต่คุณคะ ในช่วงเวลาดังกล่าวสิ่งศักดิ์สิทธิของเราทำงานหนักเหลือเกินค่ะ กว่าจะถึงคิวของเราน่าจะนานมาก ด้วยเหตุนี้ บทความจิตวิทยานี้จึงขอนำเสนอ10 เทคนิคจิตวิทยาในการเสริมการงานให้สุดปัง โดยไม่ต้องมูเตลู มาฝากกันค่ะ เพื่อเสริมการงานของเราให้ปังตลอดปีกัน


1. สื่อสารกับหัวหน้า/เพื่อนร่วมงานให้เข้าใจ

ปัญหาในการทำงานส่วนใหญ่มีสาเหตุมาจากการสื่อสารที่ไม่เข้าใจกัน ดังนั้นเพื่อเสริมการงานให้ปัง ให้ราบลื่น เทคนิคแรกที่ขอแนะนำ ก็คือ ปรับเปลี่ยนการสื่อสารกับหัวหน้า และเพื่อนร่วมงานให้ชัดเจนและเข้าใจตรงกันทั้งด้านเนื้อหา และด้านอารมณ์ ความรู้สึก ทั้งการสื่อสารด้วยคำพูด ด้วยข้อความ และด้วยภาษากายก็ตาม โดยมีเทคนิคการสื่อสารมาแนะนำกัน 3 วิธีด้วยกัน ได้แก่ (1) ทำการบ้านมาก่อนจะสื่อสาร (2) เตรียมความพร้อมก่อนสื่อสาร และ (3) นึกถึงใจเขาใจเราทุกครั้งที่สื่อสาร


2. จัดโต๊ะให้เป็นระเบียบ

โดยทั่วไปแล้วเราจะนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานมากกว่านอนในห้องนอน หรือนั่งในห้องนั่งเล่นที่บ้านของเราเสียอีก จึงสามารถเปรียบเทียบได้ว่าโต๊ะทำงานก็เหมือนบ้านของเรา ถ้าบ้านเรารก บ้านสกปรก คนอยู่อาศัยก็หงุดหงิด ไม่สบายใจ และอาจเกิดอุบัติเหตุ หรือเจ็บป่วยได้ เช่นเดียวกับโต๊ะทำงานค่ะ ถ้าจัดไม่ดี ไม่เป็นระเบียบ จะหาของ หางานที ก็เสียเวลา เสียอารมณ์ ดีไม่ดีเสียงานเสียการไปอีก เพราะฉะนั้นการจัดโต๊ะให้เป็นระเบียบจะช่วยเสริมงานให้ปังแน่นอนค่ะ เพราะจะหาอะไรก็ง่าย ทำงานได้รวดเร็วขึ้น หัวร้อนน้อยลง


3. สร้างมิตร ไม่สร้างศัตรู

หลาย ๆ คนอาจจะพบเจอปัญหา Toxic People ในที่ทำงาน ทำให้ไม่สบายใจในการอยู่ที่ทำงาน แต่เราก็มักจะลืมคิดในมุมกลับว่า เราเองก็อาจเป็น Toxic People ในสายตาของคน ๆ นั้นเหมือนกัน ดังนั้นเพื่อความสงบสุขในการใช้ชีวิต และการทำงาน เราควรสร้างมิตร ไม่สร้างศัรูน่าจะดีกว่าค่ะ หากสามารถเคลียร์ใจกับคนที่ผิดใจกันได้ก็ลองรวบรวมพลังใจไปเจรจาดูนะคะ แต่ถ้าหากไม่สามารถคุยกันได้แล้ว ก็ต่างคน ต่างอยู่ เพื่อลดโอกาสปะทะกันน่าจะดีที่สุด แล้วชีวิตในที่ทำงานของเราจะมีความสุขมากขึ้น


4. เปิดตา เปิดหู เปิดใจ

ในโลกยุคดิจิทัล อะไร ๆ ก็เปลี่ยนแปลงไว ทำให้บ่อยครั้งสิ่งที่เรามั่นใจว่ารู้แน่ ๆก็กลายเป็นไม่รู้อะไรเลย เพราะฉะนั้นเพื่อให้เราเป็นคนทันโลก ทันเหตุการณ์ เพื่อเสริมการงานให้ดีขึ้น มีประสิทธิภาพมากขึ้น เราต้องทำตัวเป็นฟองน้ำที่หมั่นซึมซับความรู้ใหม่ ๆ ดูดซับเคล็ดลับในการทำงานโดยใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ และลดอคติในการทำงานร่วมกัน โดยมองข้ามความแตกต่างระหว่างบุคคล แล้วมาเรียนรู้กันด้วยความรู้ ความสามารถ และใช้ความจริงใจในการอยู่ร่วมกันในที่ทำงาน


5. หูตากว้างไกล

คำพระท่านว่า “อยู่กับปัจจุบันแล้วเราจะมีความสุข” เพราะไม่ต้องจมอยู่กับอดีต และไม่ต้องกังวลถึงอนาคต แต่ถ้าเราอยากทำงานให้ประสบความสำเร็จ การมองการณ์ไกลไปถึงอนาคตเป็นสิ่งจำเป็น เพราะการที่เรามองเห็น Career Path หรือความก้าวหน้าในอาชีพ จะช่วยให้เรามีกำลังใจในการทำงาน และสามารถวางแผนในการพัฒนาตนเองให้มีศักยภาพมากขึ้น รวมถึงเราจะใส่ใจในการทำงานมากขึ้น เพราะเราเห็นคุณค่าของงานว่าในวันหนึ่งงานเหล่านี้จะติดลายเซ็นของเรา เป็นหน้าเป็นตาให้แก่เรา


6. จัดลำดับงานให้เหมาะสม

เรื่องตลกร้ายของการทำงานมีอยู่ว่า เมื่อเราวางแผนว่าวันนี้เราจะทำงานชิ้นไหนเป็นลำดับที่ 1 2 3 ตามความเร่งด่วนแล้วนั้น มันมักจะมีงาน “ด่วนกว่า” “ด่วนมาก” “ด่วนสุด” และ “จะใช้ตอนนี้” มาแทรกแซงเสมอ หากคุณเจอสถานการณ์เช่นนี้ ขอให้พักหายใจ ทำสมาธิสักครู่ก่อนลงมือทำนะคะ และทำงานเร่งด่วนให้เสร็จไปก่อน เพราะงานพวกนี้ร้อนมาก ไฟลุก เมื่อเราส่งงานด่วนออกไป ค่อยมาทำงานตามลำดับความเร่งด่วนตามแผนที่เราวางไว้ค่ะ แล้วเราจะมีสมาธิ มีจิตใจที่สงบมากพอที่จะทำงานอื่น ๆ ได้สำเร็จ


7. บริหารเวลาดีมีชัยไปกว่าครึ่ง

ตามแนวคิดของผู้บริหารญี่ปุ่น บอกไว้ว่า “การบริหารเวลาที่ดีจะทำให้เราประสบความสำเร็จในการทำงาน” เพราะอย่างที่ได้กล่าวไว้ในข้อ 6 ว่า เมื่อเราวางแผนในการทำงานแล้ว เรามักจะมีงานร้อน งานแทรกเข้ามา ทำให้ตารางงานเราปั่นป่วน แต่ถ้าเราบริหารเวลาได้ดี จัดสรรเวลาในการทำงานได้เหมาะสม งานของเราจะออกมาดี มีคุณภาพ และสามารถนำไปใช้งานได้จริงตามกำหนดเวลา ถึงแม้ว่าแผนเราจะต้องปรับเปลี่ยนตามความเหมาะสมบ้างก็ตาม


8. อยู่ให้เป็น เย็นให้พอ

“อยู่ให้เป็น เย็นให้พอ” เป็นหลักสำคัญในการเอาตัวรอดในที่ทำงาน โดยเฉพาะที่ทำงานที่อยู่กันแบบพี่น้องแบบกาสะลอง ซ้องปีบ อยู่กันเป็นครอบครัวแบบเลือดข้นคนจาง ดังนั้น “การอยู่ให้เป็น” ก็คือ พยายามวางตัวเป็นกลาง เน้นทำงานเป็นหลัก ใส่ใจเรื่องส่วนตัวของคนที่ทำงานเท่าที่จำเป็น รู้เท่าที่ควรรู้ อะไรที่รู้แล้วเราจะลำบากปิดหู ปิดตา ปิดปากบ้างก็ได้ และ “เย็นให้พอ” หมายถึง ใจเย็น มีสติ รอคอยให้ได้ เมื่อกระทบกระทั่งก็ขอให้มีจิตใจหนักแน่น เข้มแข็ง เน้นสมานฉันท์ ไม่เน้นการปะทะ เพราะอย่างไรก็ตามก็ยังคงทำงานด้วยกันอยู่


9. พรีเซนต์ตัวเองเมื่อจำเป็น

ถ้าแบ่งประเภทมนุษย์ออฟฟิสตามการพรีเซนต์ตัวเอง ก็จะมีอยู่ 2 ประเภทใหญ่ ๆ คือ ประเภทที่ทำงานเบื้องหลัง ไม่เอาหน้า มนุษย์ออฟฟิตประเภทนี้มักจะไม่ได้เงยหน้าอ้าปากกับใครเขา เป็นคนปฏิบัติจนเกษียณ และอีกประเภทคือเน้นเอาหน้า ไม่เอางาน แล้วแปลกว่าคนพวกนี้มักจะได้ดีค่ะ แม้เพื่อนจะเกลียดก็ตาม แต่เพื่อความผาสุกในการทำงานควบคู่ไปกับการเจริญก้าวหน้าในการทำงาน เราต้องอยู่ตรงกลางของมนุษย์ออฟฟิสทั้ง 2 ประเภทค่ะ คือ พรีเซนต์ตัวเองเท่าที่จำเป็น และอย่าลืมให้เครดิตเพื่อนหรือหัวหน้างานที่ช่วยเหลือเราด้วย


10. Work life balance

งานหนักไม่เคยฆ่าใคร...ในทันที แต่จะทำให้เราป่วยด้วยสารพัดโรค ซึ่งดิฉันก็เห็นมามากว่าคนที่ทุ่มเทให้งานมากจนเกินไป มักจะไม่ได้มีชีวิตยืนยาวมากพอจะชื่นชมความสำเร็จของตัวเอง เพราะฉะนั้นการรักษาสมดุลระหว่างการทำงานกับการดูแลตัวเอง การใช้ชีวิตแบบมีความสุขจึงเป็นเรื่องสำคัญอย่างมากค่ะ เพราะการทำงานหนักมันจะไม่มีความหมายอะไรเลยถ้าเราไม่ได้มีชีวิตชื่นชมความสำเร็จจากผลที่เราทำ


การมูเตลู ในทางจิตวิทยาเป็นเรื่องเสริมสร้างกำลังใจในการทำงาน ในการใช้ชีวิต ทำให้เรามั่นใจ และสบายใจมากขึ้น แต่เหนืออื่นใด สิ่งศักดิ์จะไม่อำนวยพรถ้าเราไม่ลงมือทำ และพยายามด้วยตัวเองก่อน ดังนั้นเพื่อเสริมการงานให้สุดปังทันตา ทันใจ ลองนำ 10 เทคนิคจิตวิทยาข้างต้นไปลองทำดูนะคะ


 

iSTRONG Mental Health

ผู้ดูแลสุขภาพใจให้กับบุคคล ครอบครัว และองค์กร


บริการของเรา

สำหรับบุคคลทั่วไป

• บริการปรึกษา จิตแพทย์และนักจิตวิทยา : http://bit.ly/3lmThUa  

คอร์สฝึกอบรมทักษะด้านจิตวิทยา : http://bit.ly/3RQfQwS 


 สำหรับองค์กร

• EAP โปรแกรมสำหรับองค์กร : http://bit.ly/3RLI8Z8 


โทร. 02-0268949 หรือ Line : @istrong

 




ประวัติผู้เขียน : จันทมา ช่างสลัก คุณแม่ของลูก 1 คน แมว 1 ตัว ที่พยายามใช้ความรู้ทางจิตวิทยาที่ร่ำเรียนมาและประสบการณ์การทำงานด้านจิตวิทยาพัฒนาการเด็ก มาสร้างความสุขในการใช้ชีวิต ดูแลครอบครัว และการทำงาน รวมถึงมีความสุขกับการได้เห็นว่าบทความจิตวิทยาที่เขียนไปมีประโยชน์กับคนอ่าน


Comments


facebook album post - square (1).png
1.พวกหลีกเลี่ยงความผูกพัน (2).png
บทความล่าสุด
bottom of page