ก้าวออกจากโรคซึมเศร้า เริ่มได้ที่ตัวเราเอง
"Everything will be alright in the end. And if it is not alright,
then it is not yet the end.”
“สุดท้ายแล้วทุกอย่างจะโอเค และถ้ามันยังไม่โอเค แสดงว่ามันยังไม่ถึงช่วงสุดท้าย”
โรคซึมเศร้า (Depression) เป็นโรคยอดฮิต ที่คนเมืองจำนวนมากกำลังเผชิญกับโรคนี้ คนที่เป็นโรคซึมเศร้า รู้ตัวว่าเขากำลังมีปัญหา แต่เขาไม่สามารถที่จะมองเห็นวิธีการแก้ปัญหาได้ และไม่คิดว่าสถานการณ์ต่างๆ จะพัฒนาไปในทิศทางที่ดีขึ้น ความรู้สึกนี้ทำให้เขารู้สึกหมดหวัง และจมอยู่กับความทุกข์ และความมืดมนในโลกของตัวเอง โดยไม่มีทางออก
ความรู้สึกไม่มีทางออก ส่งผลกระทบกับสุขภาพจิต และระบบสารเคมีในสมองของพวกเขา ซึ่งทำให้พวกเขาไม่สามารถมองเห็นแสงสว่าง หรือด้านบวกในชีวิตของพวกเขาได้ คนที่เป็นโรคซึมเศร้า (Depression) ส่งผลต่อความสามารถของระบบประสาทสัมผัสต่างๆ ของพวกเขา พวกเขาจะรู้สึกอาหารไม่มีรสชาติ สีสันสดใสน้อยกว่าที่มันควรจะเป็น รู้สึกซึมเศร้า ไม่มีความรู้สึกอยาก หรือกระตือรือร้นกับเรื่องใดๆ เลยในชีวิต เป็นต้น พวกเขาเหล่านี้ต้องการคนช่วยเหลือ ในการบอกความเป็นไปได้ว่า สิ่งต่างๆ จะปรับปรุงไปในทางที่ดีขึ้นได้ เพราะพวกเขารู้สึกว่าโลกทั้งใบช่างมืดมน ไม่อยากแม้จะตื่นขึ้นจากที่นอน และ ไม่มีกระจิตกระใจจะสนใจกับสิ่งใหม่ๆ หรือเรื่องราวที่น่าตื่นเต้นใดๆ ในชีวิตเลย
แต่อย่างไรก็ตาม การที่จะชี้ทางให้คนที่เป็นโรคซึมเศร้า หายหรือกลับมามีความคิดเหมือนคนปกติ ไม่ง่ายเลย วันนี้แพรมีวิธีการที่จะนำประสาทสัมผัสทั้ง 5 มาช่วยเพื่อให้คนที่อยู่ใกล้ตัวของคุณ หรือแม้แต่ตัวของคุณเอง ที่กำลังสงสัยว่าตกอยู่ในอาการของโรคซึมเศร้า ก้าวออกมาจากโรคนี้ ด้วยก้าวแรกได้นะคะ
ขั้นแรก หาผู้นำทาง
ขั้นตอนนี้เราต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญในการช่วยเหลือหรือคนในครอบครัว เพื่อน ที่รักเรา เพื่อที่จะคอยให้กำลังใจ คอยสอบถามความเป็นไปของเรา ให้เราสามารถต่อสู้กับความรู้สึกนี้ได้ หลังจากนั้น เราจะมาใช้ประสาทของเราในการต่อสู้กับโรคนี้กันค่ะ
การใช้ร่างกาย
เราสามารถใช้ร่างกายของเราในการออกกำลังกาย เช่น ว่ายน้ำ เต้นซุมบ้า ปีนหน้าผาจำลอง หรือกิจกรรมอะไรก็ตามที่คุณชื่นชอบ อาจจะสามารถทำได้ง่ายๆ โดยการออกไปเดินเป็นเวลา 15 นาที การเคลื่อนไหวร่างกาย โดยเฉพาะการออกกำลังกาย ร่างกายของเราจะหลังสารแห่งความสุข ซึ่งเป็นเครื่องมืออย่างดีในการต่อสู้กับความเศร้า และหดหู่ ทำให้เรารู้สึกกระฉับกระเฉงและกระตือรือร้นมากยิ่งขึ้น
ลิ้มรสชาติของอาหาร
การรับประทานอาหารโดยการ พยายามลิ้มรสชาติของอาหารมื้อนั้นๆ ด้วยความตั้งใจ จะเป็นการช่วยกระตุ้นประสาทสัมผัส พยายามจินตนาการถึงรสชาติของอาหารที่เราชอบ นึกถึงร้านอาหารเจ้าโปรดที่เราชอบรับประทาน หรือแม้แต่ซื้ออาหารหรือขนมที่เราชอบ ค่อยๆ รับประทาน ลิ้มรสอาหารนั้นๆ อย่างมีความสุข
ฟังเพลงที่ชอบ
การฟังเพลงเป็นอีกวิธีหนึ่งที่สามารถเปลี่ยนอารมณ์และความรู้สึกของเราได้ทันที ให้เลือกฟังเพลงที่ทำให้เรามีความสุข ผ่อนคลาย ยกตัวอย่างเช่น เพลงประเภทคลาสสิค เป็นต้น
การสูดดม
พยายามตั้งใจสูดดมกลิ่นหอม หรือกลิ่นที่เราชอบ เราอาจจะใส่น้ำหอมที่เราชอบ หรือใช้วิธีการรักษาแบบ aromatherapy (กลิ่นบำบัด) หรือ นำน้ำหอมกลิ่นที่เราชอบมาวางไว้ในบ้าน เพื่อกระตุ้นประสาทสัมผัสในส่วนนี้ก็ได้ หรือ อาจจะเป็นวิธีง่ายๆ เช่น การตั้งใจสูดดมกลิ่นกาแฟ มื้อเช้าที่เราโปรดปราน เป็นต้น
การสัมผัสทางผิวหนัง
วิธีการนี้ทำได้โดย การทาโลชั่นที่มีกลิ่นหอม เนื้อครีมนุ่มๆ ที่มาสัมผัสผิวกายของเรา นวดเบาๆ เมื่อทาโลชั่น เพื่อประตุ้นประสาทสัมผัสส่วนนี้ การนวดผ่อนคลาย การสวมใส่เสื้อผ้านุ่ม สบาย เป็นต้น
การมองสิ่งที่สวยงาม
ประสาทสัมผัสสุดท้ายที่เราจะพูดถึงในวันนี้ คือ การมองเห็น การที่เรามองเห็นสิ่งที่สบายตา มีผลอย่างมากต่อจิตใจของเรา เราอาจจะทำได้โดย มีแจกันดอกไม้สีสันสดใส วางไว้ในห้องทำงาน หรือห้องนั่งเล่นที่เราจะได้มองเห็นมันบ่อยๆ รูปภาพที่สบายตา นำมาติดไว้บนฝาผนัง การออกไปท่องเที่ยวในสถานที่ที่มีธรรมชาติที่สวยงาม เป็นต้น
นอกจากนี้ เราสามารถที่จะกระตุ้นประสาทสัมผัสได้พร้อมๆ กันในเวลาเดียว ตัวอย่างเช่น เราอาจจะสร้างบรรยากาศในบ้าน โดยการมีแจกันดอกไม้สวยๆ จุดตะเกียงน้ำมันหอมระเหยที่เราชอบ มีคนมานวดผ่อนคลาย ก็เป็นการกระตุ้นประสาทสัมผัสที่ดี ลองนำวิธีเหล่านี้ไปใช้ดูนะคะ
เพราะทุกก้าวของชีวิตคือจิตวิทยา
iStrong บริการให้คำปรึกษาโดยนักจิตวิทยาที่มีใบรับรอง สามารถเลือกคุยทางโทรศัพท์หรือคุยแบบพบหน้า
Contact : https://www.istrong.co/service
Comments